ครม.รับทราบผลศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรของ กมธ.วิสามัญ มีข้อสังเกตถึงผลกระทบและข้อเสนอกรณีจะนำธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบ จะเกิดการกระตุ้นการลงทุนประชาชนมีรายได้เพิ่ม เปิดกว้างรูปแบบการลงทุน เช่น รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนได้ มีการออกใบอนุญาตแต่อาจมีเงื่อนไขให้ต้องจ้างงานคนไทยและตั้ง “ภาษีกาสิโน”
9 เม.ย.2567 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ว่า ครม.รับทราบรายงานผลการศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ในรายงานระบุว่าการศึกษาผลกระทบในภาพรวมทั้งเชิงบวกและลบที่จะส่งผลต่อนโยบายของการพัฒนาประเทศ การมีสถานบันเทิงครบวงจรจะทำให้รัฐสามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนได้ดีขึ้นเช่น ธุรกิจคาสิโน หรือการเล่นพนันถูกกฎหมายและจะทำให้เกิดประโยชน์และผลกระทบ ดังนี้
- เกิดการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น
- ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่มีการจัดตั้งสถานบริการครบวงจร ตลอดจนเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่
- อาจทำให้เกิดปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน โดยอาจระบุในเงื่อนไขใบอนุญาตให้มีคนไทยทำงานในสถานที่ดังกล่าวไว้ในสัดส่วนที่เหมาะสม
ในรายงานระบุถึงขั้นตอนการสร้างความรับรู้และความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ไว้ดังนี้
- ควรมีกระบวนการสร้างความเชื่อมั่น จัดทำเวทีประชาคมในพื้นที่ เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชน
- ควรมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการศึกษาผลกระทบของการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรอย่างละเอียดรอบด้าน
- หากมีการเปิดแอปพลิเคชันให้มีการรับฟังความคิดเห็น ควรเปิดให้มีการรับฟังความเห็นด้านผลกระทบทั้ง 6 ด้านรวมทั้งแนวทางในการเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
- กรมสุขภาพจิตควรจะเป็นหน่วยงานหลักที่จะเป็นกลไกการลดผลกระทบจากการพนัน
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรมีการดำเนินงานในเชิงรุก เพื่อแสวงหาวิธีการป้องกันหรือลดผลกระทบ โดยการขับเคลื่อนกิจกรรมทางศาสนา
- ควรมีมาตรการป้องกันดูแลผลกระทบอย่างเหมาะสม
ส่วนประเด็นด้านโครงสร้างทางธุรกิจและการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐทั้งการจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียมและค่าใบอนุญาตต่างๆ ในรายงานมีการระบุข้อสังเกตไว้ดังนี้
- รูปแบบของการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หากรัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนเองแล้ว อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณที่รัฐจะต้องจัดหามาใช้ในการลงทุนดังกล่าว แนวทางที่จะช่วยลดปัญหาจึงอาจจะต้องเป็นในรูปแบบการให้ใบอนุญาตกับเอกชนตามระยะเวลาที่กำหนด
- ควรพิจารณาถึงรูปแบบการลงทุนที่เปิดกว้าง โดยรัฐลงทุนร่วมกันกับเอกชน หรือการให้สัมปทานหรือให้ใบอนุญาตกับเอกชน จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ
- พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจะตั้งเป็นสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสามารถรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
- ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ และควรมีการกำหนดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียม ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และเป็นการเฉพาะต่างหากจากอัตราภาษีปกติทั่วไปที่มีอยู่
- ควรจัดตั้งหน่วยงานในการกำกับดูแลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบเชิงวัฒนธรรม มาตรการทางกฎหมายสำหรับสถานประกอบกิจการที่อยู่ในความรับผิดชอบ มาตรการทางสังคมในลักษณะการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
- ควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน
นอกจากนั้นยังมีการศึกษาในประเด็นทางกฎหมายที่ กมธ.เห็นควรให้มีการพัฒนาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ รวมถึงการร่างกฎหมายเฉพาะในกิจการสถานบันเทิงครบวงจรด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)