Skip to main content
sharethis

“คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ยื่นอุทธรณ์คดีฝุ่นภาคเหนือ หลังศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้ประชาชนที่ฟ้องนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ชนะคดีเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา การอุทธรณ์ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติครั้งนี้จะทำให้การทำแผนแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือให้เสร็จใน 90 วันตามที่ศาลปกครองมีคำสั่งล่าช้ายิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีค่าฝุ่น PM2.5 สูงติดอันดับหนึ่งของโลกหลายวัน

 

13 มี.ค. 2567 กรีนพีซ ประเทศไทย อัพเดทความคืบหน้าคดีฝุ่นภาคเหนือเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้ประชาชนชนะคดีที่ร่วมกันยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จากเหตุไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้ไขวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ

ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาว่า รัฐผิดจริงกรณีแก้ฝุ่นล่าช้า โดยสั่งการให้ดำเนินการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนภายใน 90 วัน

ทางเครือข่ายประชาชนผู้ฟ้องวอนรัฐขอไม่อุทธรณ์คดี ซึ่งจะเป็นการยืดระยะเวลาแก้ปัญหาออกไปอีก ผลปรากฏว่ารัฐไม่ได้เดินหน้าจริงจังในการแก้ไขปัญหา PM2.5 แต่กลับอุทธรณ์คำพิพากษานี้ จนกระทั่งในสัปดาห์นี้ภาคเหนือต้องคลุกฝุ่นอย่างรุนแรงติดอันดับหนึ่งของโลกมาหลายวัน

กรีนพีซ ระบุว่า การยื่นอุทธรณ์ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนั้นแสดงถึงความไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาฝุ่นพิษที่คุกคามสุขภาพของคนเหนืออย่างรุนแรง

การแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษจะต้องเป็นการลงมือดำเนินการที่ต้นเหตุของแหล่งกำเนิด PM2.5 ซึ่งจะต้องอาศัยเจตจำนงของภาครัฐในการกำหนดนโยบาย งบประมาณ และยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติฯ ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ โดยที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการจัดการไฟ พืชเศรษฐกิจ และการส่งเสริมอาชีพที่ตรงกับความหลากหลายของชุมชน รวมถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเหนือกลุ่มทุนอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการเคารพสิทธิมนุษยชนพื้นฐานตามกฎหมายทั้งต่อการเข้าถึงอากาศสะอาดและสิทธิในการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี

ประชาชนภาคเหนือหลังยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566

กรณีนี้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566 ประชาชนภาคเหนือรวมตัวกันที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ต่อมาศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. 2567 ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำพิพากษาว่านายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2 ละเลยและปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าจริง แม้จะมีการปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ใหม่ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิม 50 ไมโครกรัมเป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ แต่ค่าฝุ่นภาคเหนือยังคงเกินมาตรฐานในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนของทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่ภาคประชาชนเริ่มยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ โดยที่มีข้อมูลจากคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ และหลักประกันสุขภาพ ระบุว่ามีข้อมูลผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปี 2561-2566 ศาลจึงตัดสินว่าเป็นการปฏิบัติงานล่าช้า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงภัย

เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวศาลจึงให้ความเห็นว่า มีเหตุผลเพียงพอที่จะพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจที่มีควบคุมบังคับใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535 กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติการจัดทำแผนแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อระงับ และบรรเทาฝุ่น PM2.5 ให้ทันท่วงที ทั้งนี้ให้ทำแผนภายใน 90 วัน

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net