Skip to main content
sharethis

ผลที่ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาที่ดิน มีมติขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาโฉนดชุมชนซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของ P-move นอกจากนั้นยังมีแนวทางแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากมาตรการห้ามเผาของรัฐที่กระทบต่อการทำเกษตรของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย

เมื่อวานนี้(27 ก.พ.2567) เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move และกรมส่งเสริมสหกรณ์มีการรายงานถึงผลการประชุมประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ครั้งที่ 1 หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางกลุ่มมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมเมื่อเวลา 13.00 น. โดยในการประชุมดังกล่าวมีตัวแทนจากรัฐบาลคือ ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ และตัวแทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พงศ์สันต์ ขำปู่ ผู้อำนวยการกลุ่มจัดที่ดินนิคมสหกรณ์ กองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์

เพจของ P-move รายงานถึงผลการประชุมที่มีมติเห็นชอบแนวทางและขั้นตอนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่มีความชัดเจนมากขึ้นและมีความสอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโฉนดชุมชน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับหลักการทั้งหมดที่ทางพีมูฟเสนอ ดังนี้

1. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ประสานงานสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ P-move จัดทำระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... (ฉบับที่3/ฉบับปรับปรุงแก้ไข) รวมถึงยืนยันแนวทางการดำเนินการโฉนดชุมชน  และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ นำเสนอมาตรการและแนวทางการยกระดับโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2555 และฉบับที่ 3 ฉบับปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การดำเนินการโฉนดชุมชนเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ตามมาตรา 10 (4) แห่ง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562  ในวาระการพิจารณาการประชุมของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ศ.2567 เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม

2.ให้สำนักงานโฉนดชุมชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ภายในเดือนมีนาคม 2567 เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการขับเคลื่อนงานของสำนักงานโฉนดชุมชน และนำร่างที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ P-move จัดทำ (ร่าง) ระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... (ฉบับที่3/ฉบับปรับปรุงแก้ไข) เข้าสู่การพิจารณา

3.ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ นำแนวทางการดำเนินการโฉนดชุมชนและนำร่างระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ... (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)  ที่ได้รับการรับรองจากคณะอนุกรรมการที่ดินทั้งระบบ เข้าสู่การเสนอให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณารับรอง ภายในเดือนเมษายน 2567 และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ประกาศใช้ภายในเดือนพฤษภาคม 2567

4.ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ จัดทำและแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ ให้สำนักงานโฉนดชุมชนเป็นหน่วยงานภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี และมีภารกิจในการบริหารจัดการที่ดินด้วย โดยให้เกิดผลภายใน 6 เดือน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป

นอกจากมติที่ประชุมในเรื่องโฉนดชุมชนแล้ว ในที่ประชุมยังมีมติในเรื่องมาตรการห้ามเผาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ต้องเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวตามระบบเกษตรไร่หมุนเวียนด้วย โดยมติที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอ และให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษามติ ครม. 3 ส.ค. 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ซึ่งมีข้อมูลเรื่องไร่หมุนเวียนอยู่ และในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านกลุ่มชาติพันธุ์ คือ ‘สถาบันพัฒนาและวิจัยพื้นที่สูง’ ซึ่งทางกระทรวงจะดำเนินการให้ชุมชนในพื้นที่ของหน่วยงานกว่า 8,000 ชุมชน สามารถเข้าถึงการพัฒนาอาชีพ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง โดยให้การพัฒนาเป็นไปตามความประสงค์ของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ พีมูฟมีข้อเสนอว่า ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ต้องเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวตามระบบเกษตรไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นวิถีเกษตรที่มีความเฉพาะลักษณะนิเวศที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟในการทำแนวกันไฟ การจัดการเชื้อเพลิงสะสมและเตรียมแปลงเพาะปลูกที่ต้องอาศัยช่วงเวลาที่สอดคล้องตามบริบทนิเวศแต่ละชุมชนและต้องคำนึงถึงสภาพอากาศที่เหมาะสมขณะดำเนินการ โดยแต่ละชุมชนจะต้องดำเนินการในช่วงระหว่างกุมภาพันธ์จนถึงเมษายนของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศมาตรการห้ามเผาอย่างไม่แยกแยะกรณี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้านคดีความอันไม่เป็นธรรม ป้องกันผลกระทบต่อการดำรงชีพของชุมชนและเพื่อส่งเสริมการป้องกันปัญหาไฟลุกลามไม่พึงประสงค์

จึงขอให้มีการประสานงานเพื่อรับทราบข้อมูล สร้างความเข้าใจ แจ้งจำนวนพื้นที่เป้าหมายกรณีชุมชมกะเหรี่ยงกับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ขอให้มีข้อชี้แจง ข้อสั่งการหรือแนวทางปฏิบัติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในรายงานของของ P-move ยังระบุถึงผลการประชุมในกรณีชุมชนคลองโยง จ.นครปฐม ประเด็นภาษีที่ดินแปลงรวม มีมติชัดเจนในที่ประชุมว่า การเสียภาษีที่ดินเห็นชอบให้งดเว้นภาษีในปีนี้ และเปลี่ยนการเก็บภาษีเป็นแบบแปลงย่อยแทนแปลงใหญ่ และให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

รวมถึงที่ประชุมยังมีมติในเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ..... ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ จะดำเนินการเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาเรื่องนี้ โดยมีสัดส่วนของประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net