- iLaw รีวิวรายงาน 398 หน้า ของ กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ หลังทำงานเกือบ 5 ปี โดยมีสาระสำคัญเล่าถึงคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหลายด้าน เช่น การด้านการปกครอง การแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองและคุณูปการต่อฝ่ายนิติบัญญัติ
- ขณะที่วันนี้ กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ หารือตัวแทนเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแนวทางพิทักษ์และปกป้องสถาบันฯเพื่อความมั่นคงของชาติ หวังสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับคนรุ่นใหม่
- ส่องงบประมาณปี 67 พบทุกเหล่าทัพจัดงบพิทักษ์รักษา เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ เพิ่มขึ้นจากปี 66
15 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ม.ค.) iLaw เผยแพร่บทวิจารณ์ 'รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ' ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ (กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ) โดยที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบด้วยกับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และมีมติให้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภามีวาระพิจารณารายงานหนึ่งฉบับดังกล่าาวซึ่งมีความยาว 398 หน้า รวมปกหน้า-หลัง iLaw ระบุว่า จากการสืบค้นระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภารวมถึงหน้าเว็บไซต์ของกมธ. พิทักษ์สถาบันฯ ไม่พบการอัพโหลดรายงานฉบับอื่นๆ ก่อนหน้านี้ รายงานฉบับนี้จึงอาจเป็นผลงานที่ออกมาในรูปแบบรายงานเพียงฉบับเดียวของกมธ. พิทักษ์สถาบันฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ 20 ต.ค.2562 มีอายุการทำงานถึงสี่ปีสามเดือน นับถึงวันที่วุฒิสภาเห็นชอบกับรายงานฉบับนี้
ฐานที่มาของ กมธ. พิทักษ์สถาบันฯ สืบเนื่องมาจากในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2562 ข้อ 82 กำหนดให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนไม่เกิน 30 คน ในจำนวนนี้ให้ประกอบด้วยบุคคลที่ไม่ได้เป็น สว. ไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมาธิการขึ้นทั้งหมด มีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
iLaw สรุปประเด็ฯสำคัญของรายงานฉบับนี้ว่า มีสาระสำคัญเล่าถึงคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหลายด้าน เช่น คุณูปการด้านการปกครองในประเทศไทย คุณูปการด้านการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และคุณูปการต่อฝ่ายนิติบัญญัติ
หารือตัวแทนเหล่าทัพวางแนวพิทักษ์สถาบันฯ หวังสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับคนรุ่นใหม่
ขณะที่วันนี้ (15 ม.ค.) สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่า สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธาน กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ วุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม กมธ. โดยมีวาระพิจารณา “ประชุมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” ร่วมกับที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะ กมธ.วิสามัญ และผู้แทนเหล่าทัพประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ณ ห้องประชุม หมายเลข 406 – 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ฝั่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
สุวพันธุ์ กล่าวภายหลังสรุปแผนงานการสานต่อการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมปัญหาและอุปสรรครวมถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา และแผนงานการสานต่อการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของคณะ กมธ.วิสามัญ ว่า การประชุมคณะ กมธ.วิสามัญในครั้งนี้ เป็นการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อพิจารณา และข้อเสนอแนะร่วมกันในการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลการดำเนินงานของเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวทางการสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันหลักของชาติ รวมถึงหารือถึงปัญหา ข้อเสนอแนะ เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือด้านการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกภาคส่วนต่อไป
จเด็จ อินสว่าง รองประธาน กมธ.วิสามัญฯ คนที่สอง กล่าวว่า เหล่าทัพ และเครือข่ายความมั่นคงของกองทัพ มีบุคลากรจำนวนมาก และมีสถานศึกษาสังกัดกองทัพ ดังนั้น กองทัพควรเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์กับทหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ หรืออยู่ในช่วงวัยรุ่น ก็จะช่วยให้เกิดเครือข่ายการสื่อสารต่อไปยังสาธารณชนในวงกว้างได้ ดังนั้น กองทัพต้องใช้เครือข่ายเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการสร้างความรู้สึกในความเป็นชาตินิยมที่สร้างสรรค์ (Creative Nationalism) เช่น การติดธงชาติตามบ้านเรือน เป็นต้น
พลเอกพหล สง่าเนตร สว. ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กมธ. กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล ดังนั้น กองทัพต้องสร้างจิตวิญญาณให้คนรุ่นใหม่พิทักษ์และเทินทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยปลูกฝังวิธีคิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แบบใหม่ โดยใช้ภาคการศึกษา ภาคความมั่นคง และภาคประชาสังคม ร่วมมือกันจัดกิจกรรมหรือโครงการให้คนแต่ละช่วงวัย หรือมีที่มาที่แตกต่างกันได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีเหตุผลและรอบด้าน จะทำให้เกิดความร่วมมือกันในการอนุรักษ์คุณค่าของสังคมไทยด้วยวิธีคิดแบบใหม่ได้
ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม กมธ. กล่าวว่า ปัจจุบันการสื่อสารในยุคดิจิทัล ตนมีข้อห่วงใยประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเหล่าทัพต้องเร่งสร้างค่านิยมเชิงบวก รวมทั้งหลังจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินการ 3 เรื่องที่สำคัญ คือ การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเลือก สว.ใหม่ และการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งมีหลายประเด็นที่มีแนวโน้มอาจทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศ ดังนั้น เหล่าทัพจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ความมั่นคงอย่างใกล้ชิด
พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กมธ. กล่าวว่า กองทัพมีกระบวนการคัดกรองบุคลากรเข้าสู่การรับราชการ โดยมีการสอบถามทัศนคติที่เน้นย้ำต้องเป็นผู้ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ตนยินดีรับข้อเสนอของ กมธ. ในการสร้างเครือข่ายพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการ ควรจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีเนื้อหาปลูกฝังสถาบันพระมหากษัตริย์ และควรมีการส่งเสริมให้เยาวชนได้มีโอกาสทัศนศึกษาในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย
พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กมธ. และ กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพต้องแก้ไขความเหลื่อมล้ำภายในกองทัพให้ได้ ก่อนที่จะนำไปสู่การพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะปัจจุบันทหารรุ่นใหม่มองเรื่องปัจเจกบุคคลมากกว่าอุดมการณ์ ส่วนงบประมาณในการสื่อสารสถาบัน ควรมีจุดรวมเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกัน ส่วนการสื่อสารเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการศึกษา เพราะเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าถึงประชาชนได้น้อยมาก
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กมธ. กล่าวว่า กองทัพอากาศได้จัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนได้มีพื้นที่แสดงออกเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ โดยกองทัพอากาศใช้คนรุ่นใหม่ในกองทัพอากาศเป็นตัวแทนในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องการมีระเบียบวินัยในรั้วทหารไปสู่สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับการจัดทำหลักสูตรเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะถือว่าเป็นต้นน้ำในการสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ ส่วนเหล่าทัพนั้น ยังถือเป็นปลายน้ำ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันจึงจะทำให้สังคมไทยเกิดความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เกษมสันต์ วีระกุล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กมธ. กล่าวว่า เหล่าทัพยังขาดแม่ทัพที่จะเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ในการสื่อสารเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ของหน่วยงานต่าง ๆ ไปสู่ประชาชน โดยเฉพาะปัจจุบันที่เป็นการสื่อสารแบบดิจิทัล เหล่าทัพจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสื่อสารเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในโลกออนไลน์ที่ทันต่อสถานการณ์
ขณะที่ทุกเหล่าทัพจัดงบปี 67 พิทักษ์รักษา เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ เพิ่มขึ้นจากปี 66
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารงบประมาณ (เอกสารขาวคาดแดง) ที่เว็บไซต์สำนักงบประมาณเผยแพร่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66 นั้นคือเอกสารงบประมาณ ฉบับที่ 3 เล่มที่ 1 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 หน่วยงานที่น่าสนใจคือ กระทรวงกลาโหม ซึ่งมีการระบุ 'เป้าหมายการให้บริการหน่วยงาน งบประมาณและประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า ระยะปานกลาง จำแนกตามแหล่งเงิน' ผ่าน งบประมาณ และการประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า โดยเฉพาะภารกิจที่วางเป้าหมายไว้ที่ การพิทักษ์รักษา การเทิดทูน และเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทัพเรือ กองทักอากาศและกองบัญชาการกองทัพไทย พบว่ามียอดเพิ่มขึ้นจากปี 66 ทุกหน่วยงาน โดยหากรวมการวางงบประมาณและการประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลางปี 66-70 รวมแล้วกว่า 8,800 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
หน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม | ปีงบประมาณและการประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า (ล้านบาท) | |||||
2566 | 2567 | 2568 | 2569 | 2570 | รวม 5 ปี | |
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม | 1,033.22 | 1,033.19 | 1,033.19 | 1,033.19 | 1,033.19 | 5,165.98 |
กองทัพบก | 281.71 | 291.2 | 291.2 | 291.2 | 291.2 | 1,446.51 |
กองทัพเรือ | 45.49 | 395.55 | 395.55 | 395.55 | 395.55 | 1,627.69 |
กองทัพอากาศ | 35.93 | 65.4 | 65.4 | 65.4 | 65.4 | 297.53 |
กองบัญชาการกองทัพไทย | 53.08 | 58.08 | 58.08 | 58.08 | 58.08 | 285.40 |
|
|
|
|
| รวม | 8,823.11 |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)