Skip to main content
sharethis

'UNHCR' เข้าช่วยเหลือ 7 นักกิจกรรมกัมพูชา (มีสถานะผู้ลี้ภัยที่ได้รับรองจาก UNHCR) ไปประเทศที่ 3 ไม่ถูกผลักดันกลับ หลังทั้งหมดถูก ตม.-สันติบาล จับกุมเมื่อ 29 ธ.ค. 2566 อ้างเนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตจัดอบรมด้านสิทธิ 

 

11 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ 'พิเสธ' (Peseth) ชายชาวกัมพูชา วันนี้ (11 ม.ค.) กรณีความคืบหน้า นักกิจกรรมชาวกัมพูชา ทั้งหมด 10 ราย ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสันติบาล เข้าจับกุมระหว่างเข้าร่วมอบรมด้านสิทธิ เมื่อ 29 ธ.ค. 2566 เบื้องต้น มีผู้ได้รับการปล่อยตัว 3 ราย ส่วนนักกิจกรรมเหลือที่เป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับรองสถานะจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และ UNHCR กำลังดำเนินการให้ไปประเทศที่ 3

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ "ผู้จัดการออนไลน์" รายงานว่า เวลา 10.10 น. สุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตซ์ ประเทศไทย เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย ‘X’ ระบุว่า ตำรวจคนเข้าเมือง และตำรวจสันติบาล บุกจับนักกิจกรรมกัมพูชา และเวียดนาม 10 คน ขณะจัดอบรมสิทธิมนุษยชนเมื่อ 29 ธ.ค. 2566 ในพื้นที่รังสิต จ.ปทุมธานี อย่างน้อย 8 คน เป็นผู้ลี้ภัย ‘UNHCR’ รับรอง ไม่มีเอกสารเข้าเมือง และอาจถูกบังคับส่งตัวกลับ

"@HRW ชี้ว่าส่งผู้ลี้ภัยกลับไปเผชิญอันตรายละเมิดกฎหมายไทย และกติการะหว่างประเทศ/เชื่อการกวาดล้างครั้งนี้เป็นผลมาจากคำกล่าวหาว่า ฝ่ายค้านกัมพูชา (#CNRP #CandleLight) เข้ามาอาศัยความสัมพันธ์กับ #ก้าวไกล @MFPThailand เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลฮุนมาเนตที่สนิทสนมกับรัฐบาลเศรษฐา" ทวิตเตอร์ 'x' ของ สุณัย ระบุ

 

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 เฟซบุ๊กพรรค "อภิวัฒน์เศรษฐกิจเขมร" พรรคการเมืองขนาดเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัมพูชา ปัจจุบัน ได้โพสต์ภาพหนังสือที่ทางพรรคส่งถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาที่เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทย 

'พิเสธ' (Peseth) ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์การจับกุม เปิดเผยว่า 10 นักกิจกรรมที่ถูกจับกุมเป็นคนกัมพูชาทั้งหมด ไม่มีคนเวียดนาม

พิเสธ เล่าเหตุการณ์วันถูกจับกุมว่า ตอนแรกเจ้าหน้าที่เข้ามาและเรียกผู้ที่อบรมมาคุยก่อน โดยเจ้าหน้าที่ถามว่าเรามาทำอะไรกัน และมีการขออนุญาตทำกิจกรรมอบรมความรู้หรือยัง 

พิเสธ ระบุต่อว่า นักกิจกรรมชาวกัมพูชาขอเจ้าของสถานที่เพื่อใช้เป็นที่จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ โดยที่เจ้าของสถานที่เขาก็อนุญาต แต่เราไม่ทราบว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ คนที่เข้ามาอบรมก็เข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย 

พิเสธ ระบุว่า เขาไม่ทราบว่าถูกแจ้งข้อหาอะไร แต่เจ้าหน้าที่แจ้งกับพวกเขาว่าไม่ผิดกฎหมายที่จะจัดกิจกรรมอบรม แต่พวกเขาจัดงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สน.ท้องที่

"เขาก็มีการ์ดของ UN อยู่แล้ว เขามีบัตร เขาเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย และคนที่โดนจับวันนั้น ตำรวจเขาบอกเองว่า การมาสอนแบบนี้มันไม่ผิดกฎหมาย สามารถสอนได้ แต่ต้องทำเรื่องขอที่ สน.เพื่อชี้แจง ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เราไม่ทราบตรงนี้" พิเสธ กล่าว 

นักกิจกรรมกัมพูชา ระบุต่อว่า หลังถูกจับกุม เจ้าหน้าที่พานักกิจกรรมชาวกัมพูชาไปทำประวัติที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทุ่งสองห้อง ก่อนส่งไปควบคุมตัวที่สถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู จนถึงตอนนี้ 

สถานการณ์ของผู้ถูกจับกุมตอนนี้ พิเสธ ระบุต่อว่า ผู้ถูกจับกุมทั้ง 7 คน มีทนายความดูแลเรียบร้อยแล้ว และ UN กำลังพยายามช่วยเหลือให้ได้เดินทางไปประเทศที่ 3 อย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้ลี้ภัยยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าจะถูกผลักดันกลับ แต่ว่าเรื่องสภาพความเป็นอยู่ และจิตใจยังไม่มีปัญหาอะไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net