'โรม' ในฐานะ ปธ.กมธ.ความมั่นคงฯ แถลงวันนี้เตรียมส่งหนังสือถึง รบ.เศรษฐา เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์คลื่นผู้ลี้ภัยจากเมียนมา หลังการสู้รบระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์และกองทัพพม่าขยายวงกว้าง เชื่ออาจมีผู้ลี้ภัยสูงถึง 3 แสนคน

23 พ.ย. 2566 เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ รายงานวันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.05 น. ที่รัฐสภา แยกเกียกกาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมาในขณะนี้ที่ลุกลามบานปลายว่า สถานการณ์การสู้รบในเมียนมาได้ขยายเป็นวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา มีผู้หนีภัยจากการสู้รบ และธุรกิจชายแดน ซึ่ง กมธ.ได้เชิญกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพไทย เข้าให้ข้อมูลด้วย

โดยวันนี้หลายประเทศมีการเตือนภัย หากจะไปเที่ยวในเมียนมาจุดใดบ้างที่ยังพอไปได้และจุดใดบ้างที่ไม่ควรไป หากนำแผนที่มากาง จะพบว่าพื้นที่ปลอดภัยสีเขียวมีน้อยมาก หากไทยไม่เตรียมพร้อม อาจจะนำไปสู่ปัญหาของประเทศไทย ทันทีที่สถานการณ์ขัดแย้งบานปลายอาจมีคลื่นอพยพเข้ามาสู่ประเทศไทยมหาศาล สูงสุดอาจจะถึง 3 แสนคน เราไม่มีความสามารถที่จะรับผู้อพยพมากขนาดนั้น กมธ.ความมั่นคงฯ จึงมีมติส่งหนังสือถึงรัฐบาลให้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการรับมือต่อปัญหาดังกล่าว หวังว่าการทำหน้าที่ของ กมธ.ความมั่นคงจะทำให้รัฐบาลมีความพร้อม เห็นถึงความสำคัญว่าความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราจะได้มีมาตรการรับรองสิทธิมนุษยชน และมิติทางเศรษฐกิจต่อไปในวันข้างหน้า

ทั้งนี้ สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมา นับตั้งแต่ 27 ต.ค. 2566 เป็นต้นมา กลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ในนามพันธมิตรภราดรภาพฝ่ายเหนือ “The Brotherhood Alliance” ประกอบด้วย กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) ฝ่ายปฏิปักษ์กับกองทัพพม่า สนธิกำลังกับพันธมิตรอย่างกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) และกองกำลังอาระกัน (AA) เปิดปฏิบัติการหมายเลข 1027 เป็นต้นมา และสามารถยึดค่ายทหารกองทัพพม่าได้หลายเมือง ก่อนที่จะมีการขยายเขตแนวรบออกไปในพื้นที่รัฐอื่นๆ อาทิ ในรัฐกะเหรี่ยง หรือรัฐกะยา รัฐกะเรนนี และรัฐยะไข่