Skip to main content
sharethis

41 คนไทย ชุดแรกจากเมืองเล้าก์ก่ายเดินทางกลับถึงไทยแล้ว หลังรัฐบาลไทยประสานช่วยเหลือมาเกือบครึ่งเดือน - รอง ผบ.ตร.เผย วันนี้ (18 พ.ย.) จะสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยจำนวน 200 คน ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยไปยังพื้นที่ของประเทศจีนจากนั้นจะมีเครื่องบินพาณิชย์ไปรับตัวกลับ เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน - ทางการพม่าเผยจับแกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จีนต้องการตัวได้แล้ว

18 พ.ย.2566 Thai PBS รายงานบรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนท่าขี้เหล็ก ฝั่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก มอบหนังสือข้ามแดนเพื่อเตรียมรับ 41 คนไทยจากเมืองเมืองเล้าก์ก่ายชุดแรกที่จะเดินทางกลับไทยเข้ามทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเป็นข้อตกลงว่าคนไทยทั้ง 41 จะไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมือง

ตามขั้นตอนหลังเข้ามาแล้ว จะทำเอกสารต่างๆ ก่อน เดินทางต่อไปสโมสรค่ายเม็งราย ซึ่งมีระยะทางราว 60 กม.เพื่อตรวจคัดกรองสุขภาพ 

ต่อมาเวลา 12.10 น. บรรยากาศที่ด่านท่าขี้เหล็ก รถทหารจาก มทบ.34 จำนวน 3 คัน เริ่มทยอยเข้าไปรับคนไทยแล้ว โดยจะมีการส่งตัวบริเวณกลางสะพานด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 มุ่งหน้าเข้าไทย

ช่วยคนไทย 200 คนกลับไทยผ่านจีน

กลุ่มเป็นคนไทยที่ติดค้างอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย จำนวน 254 คน สะท้อนผ่านญาติ และโซเชียลว่าต้องอยู่ลำบาก และอย่างหวาดกลัว เพราะกังวลว่าภายในเขตเมืองจะมีการยกระดับการสู้รบ กระทบกับความปลอดภัย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้จะสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยจำนวน 200 คน ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยไปยังพื้นที่ของประเทศจีน จากนั้นจะมีเครื่องบินพาณิชย์ ไปรับตัวกลับ เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน

แต่เมื่อคนไทยทั้งหมดกลับมาแล้ว จะถูกนำตัวไปคัดแยกที่เขตหนองจอก โดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมสอบปากคำ เพื่อคัดแยก กลุ่มที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และกลุ่มที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ออกจากกัน เนื่องจากประสบการณ์การช่วยเหลือคนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชาพบว่า 70% เป็นผู้ต้องหาไม่ใช่เหยื่อ

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ สรุปข้อมูลคนไทยในเล้าก์ก่าย 3 กลุ่ม 

  • กลุ่มแรก 254 คน คืนคนที่เคยอยู่ในค่ายทหาร และย้ายไปอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนาม 165 คน กับคนที่นายจ้างปล่อยตัวออกมาแล้ว อยู่ระหว่างรอส่งไปรวมกับคนไทยกลุ่มใหญ่ 89 คน
  • กลุ่มที่สอง คนที่ตัดสินใจอพยพออกมาก่อนเกิดเหตุการต่อสู้  41 คน ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม ในจังหวัดเชียงตุง จะเดินทางกลับไทยในวันนี้
  • กลุ่มที่สาม กระทรวงการต่างประเทศเป็นห่วง คือกลุ่มที่อาจอยู่ในพื้นที่ทำงาน และนายจ้างยังไม่ปล่อยตัว คาดว่าเหลืออยู่ 40-50 คน

คนไทยในเล้าก์ก่ายร้องรัฐเร่งอพยพด่วน ก่อนเกิดการปะทะใหญ่

BenarNews รายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ว่าคนไทยในเมืองเล้าก์ก่ายหลายคน ได้เปิดเผยผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กของนายเอกราช สุคนธมาศ ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระบุว่า กลุ่มของตนเองอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลสนามในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเล้าก์ก่าย แม้จะถูกช่วยเหลือออกมาจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ตามต้องการ

“เราคนไทยทุกคนได้รับข่าวสารมาว่า วันที่ 18 พ.ย. จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเราอยากกลับก่อนวันที่ 18 หรืออพยพออกจากที่นี่ก่อนวันพรุ่งนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยวอนไปถึงรัฐบาลจีนด้วย” ผู้หญิงไทยรายหนึ่ง (ไม่ได้เปิดเผยชื่อและนามสกุล) กล่าว

“อยู่ท่ามกลางเสียงระเบิด แล้วก็เสียงปืนทั้งกลางวันและกลางคืน มันย่ำแย่มากจริง ๆ บางคนมีสภาวะเครียด กดดัน ถึงขั้นนอนไม่ได้ มีทั้งคนที่คิดที่จะฆ่าตัวตาย โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ตอนนี้น้ำกิน น้ำดื่มเราต้องซื้อกันเอง ข้าวที่ส่งมามันไม่เพียงพอต่อจำนวนคน ข้าวเสีย กินไม่ได้ก็มี” คนไทยที่ติดอยู่ที่เล้าก์ก่ายอีกราย ระบุ

“เราต้องช่วยเหลือกันเอง สุขอนามัยไม่ดีเลย สุขภาพก็ไม่ดี อยากกลับบ้าน ไม่ว่าหน่วยงานหรือทางการไหนก็ตาม ก็จะบอกว่า ใกล้แล้ว อีกสองวัน แต่ความหวังคือเท่ากับศูนย์ มีแค่วันแล้ว กับวันเล่า อีก 4 วันจะครบเดือนเต็ม ๆ ที่เราอยู่ที่นี่”

ในวันนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และกองกำลังผาเมือง ระบุว่า มีคนไทยร่วม 300 คน ที่ติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย ในจำนวนนี้ มีอยู่ 254 คน ที่อยู่ในความดูแลของทหารเมียนมา ส่วน 40 ถึง 50 คน ที่นายจ้างไม่ยอมปล่อยตัว ขณะที่มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 41 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว แต่อยู่ระหว่างกระบวนการสอบประวัติในจังหวัดเชียงตุงของเมียนมา ติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

กองกำลังผาเมืองแถลงย้ำคัดแยกคนมีคดี-เหยื่อค้ามนุษย์-คอลเซ็นเตอร์ พร้อมเยียวยา

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ย.2566 ที่ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผบ.กกล.ผาเมือง ร่วมกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พม.แถลงข่าว การช่วยเหลือคนไทยจากเล้าก์ก่ายว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศพม่า บริเวณเมืองเล้าก์ก่าย และเมืองหนานเติ้ง ส่งผลให้คนไทยที่เดินทางไปทำงานได้รับผลกระทบและเกิดความไม่ปลอดภัย ประมาณ 305 คน แบ่งเป็นพื้นที่เมืองเล้าก์ก่ายประมาณ 264 คนและพื้นที่เมืองหนานเติ้งจำนวน 41 คน

ส่วนการปฏิบัติการนี้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยมีหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ในฐานะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทยพม่า หรือ TBC เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก โดยมีกองกำลังทหารพม่าทหารภาค ทหารบกสามเหลี่ยม เป็นหน่วยหลักในการประสานงานเพื่อนำคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยง และเป็นผู้ดูแล อำนวยความสะดวก ในการเคลื่อนย้ายจากพื้นที่

โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะรับคนไทย 41 คนกลับเข้าสู่ประเทศบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแม่สายแห่งที่ 1 และเดินทางต่อไปยังมณฑลทหารบกที่ 37 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง โดยมีตำรวจ ดูแลในเรื่อง การดำเนินการในขั้นตอนซักถาม

ทั้งนี้ย้ำว่าคนไทยทั้ง 41 คนยังถือเป็นผู้ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ดำเนินการในเรื่องของการเยียวยาทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงการฝึกอาชีพกับกระทรวงแรงงานต่อไป

พล.ต.ประพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองเล้าก์ก่ายนั้น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกได้ประสานกับประเทศเมียนมาเพื่อเตรียมการนำคนไทยเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเพื่อส่งกลับประเทศไทยต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทุกฝ่ายพยายามจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตอนนี้มีการเตรียมการอยู่ และได้ประสานงานกับทางพม่าให้ดูแลในเรื่องความปลอดภัย

สวนแนวทางการป้องกัน ไม่ให้คนไทยข้ามแดนผิดกฎหมายไปทำงานเป็น กระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำเรื่องนี้มาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้อีก รวมถึงหาแนวทางป้องกันกรณีที่จะมีคนไทยลักลอบไปทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการTBC จะประชุมกันอีกครั้งวันที่ 30 พ.ย.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำหรับกระบวนการคัดแยก เรามีข้อมูลแล้วว่าใคร เป็นผู้ต้องหา และเป็นผู้เสียหาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลหมดแล้ว ในส่วนของทหารเพียงแค่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและก็ดูแลแล้วก็จะเป็นเรื่องของกระบวนการคัดแยก ใครที่ต้องเยียวยา พม.ดำเนินการ ส่วนใครที่มีความผิด ตำรวจก็ดำเนินการ

ทางการพม่าเผยจับแกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จีนต้องการตัวได้แล้ว

สำนักข่าวไทย รายงานว่าทีมงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลทหารพม่ากล่าวในแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 พ.ย.ว่าหมิง ซื่อชาง หมิง เกาปิง และหมิง จูหลาน ถูกจับกุมได้ที่เมืองเล้าก์ก่าย เมืองเอกของเขตปกครองตนเองโกก้าง แถลงการณ์ระบุว่า หมิง ซื่อชาง ยิงตัวเองในขณะที่เขากำลังถูกจับกุมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่แถลงการณ์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุมหรือกล่าวถึงว่า คนร้ายในแก๊งหลอกลวงออนไลน์ทั้ง 3 คนถูกจับกุมเมื่อใด ในขณะที่สื่อพม่ารายงานว่า หมิง ซื่อชาง เคยเป็นอดีตตัวแทนของภูมิภาคโกก้างในรัฐสภาของรัฐฉาน แถลงการณ์รัฐบาลพม่ากล่าวว่า หมิง เกาปิงและหมิง จูหลาน ถูกส่งตัวให้กับตำรวจจีนเมื่อวันที่ 17 พ.ย. เจ้าหน้าที่จีนออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สื่อของจีนรายงานว่า หมิง ซื่อชาง เป็นหัวหน้าแก๊งที่ดำเนินการและเปิดแหล่งฉ้อโกงออนไลน์มาเป็นเวลายาวนาน โดยมีเป้าหมายในการหลอกลวงเอาเงินจากพลเมืองชาวจีน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net