ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง “นิว จตุพร” และ “อัมรา” ตามศาลชั้นต้นในคดีที่อธิการ ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ฟ้องหมิ่นประมาทเพราะป้ายเรียกร้องให้ดำเนินการโปร่งใส ศาลระบุว่าฝ่ายโจทก์ยืนยันไม่ได้ว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ อีกทั้งมีจำเลยคนอื่นในคดีเคยรับสารภาพว่าคนในภาพหลักฐานเป็นตัวเองไปก่อนแล้ว

14 พ.ย. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลจังหวัดบุรีรัมย์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในคดีของ จตุพร แซ่อึง หรือ นิว นักกิจกรรม และ อัมรา จานรัมย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กรณีอธิการบดีของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นโจทก์ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากป้ายประท้วง #เราต้องการอธิการที่โปร่งใส ในบริเวณมหาวิทยาลัยเมื่อเดือนมกราคม 64

ศูนย์ทนายความฯ สรุปคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่าในส่วนของอัมรานั้น ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุหรือยืนยันว่าบุคคลในภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดจะเป็นภาพอัมราปรากฏอยู่ด้วย ในส่วนของจตุพรฝ่ายโจทก์ก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนร่วมในการนำป้ายไปปิดในมหาวิทยาลัยและยังไม่สามารถนำสืบได้ว่าจตุพรเป็นแอดมินผู้โพสต์ภาพป้ายประท้วงลงในเพจบุรีรัมย์ปลดแอก

ศาลอุทธรณ์จึงมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่า คดีนี้ย้อนไปช่วงเดือนมกราคม 2564 มีการพบป้ายประท้วงค่าเทอมและเรียกร้องอธิการบดีที่โปร่งใสถูกติดในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ข้อความที่ปรากฏในป้าย เช่น “ค่าเทอม นศ.ก็โกง”, “ม.สารขัณฑ์อันดับ 1 แห่งภาคอีสาน?”, “มาลิณีออกไป” หลังเหตุการณ์มีผู้ถูกดำเนินคดี 5 ราย ได้แก่ 4 นักศึกษาคณะครุศาสตร์อย่าง กฤตพรต สุพรรณนอก, สุนิชา บัวแก้ว, สิรีธร สีหานาม, อัมรา และอีก 1 นักกิจกรรมกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก อย่างจตุพร 

ทั้งนี้ในศาลชั้นต้นเคยมมีคำพิพากษายกฟ้องจตุพรและอัมราไปก่อนแล้วด้วยเหตุผลว่าฝ่ายโจทก์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนในภาพที่ถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในคดีคืออัมรา และสุนิชา หนึ่งในจำเลยในคดีที่ยอมรับสารภาพไปก่อนหน้านั้นรับว่าคนในภาพหลักฐานคือตัวเองไปแล้ว ส่วนจตุพรฝ่ายโจทก์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผู้โพสต์ภาพป้ายลงในเฟซบุ๊กเพจบุรีรัมย์ปลดแอกและเพจดังกล่าวก็มีแอดมินหลายคนด้วย