Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหารือรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ย้ำหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และหลักการไม่เลือกปฏิบัติ

 

27 ก.ย.2566 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (27 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 704 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม. ) ได้ประชุมร่วมกับพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และคณะโดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด และหลักความเสมอภาค ที่จะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน

กสม. ได้หารือเรื่องการแก้กฎกระทรวง กำหนดสถานที่อื่นที่ใช้ในการขัง จำคุก หรือควบคุมผู้ต้องหา จำเลย หรือผู้ซึ่งต้องจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด พ.ศ. 2552 เพื่อให้ศาลออกคำสั่งควบคุมตัวในสถานที่อื่นซึ่งมิใช่เรือนจำ หรือการคุมขังที่บ้าน การจัดประเภทเรือนจำโดยการแยกคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ผู้ต้องขังเด็ดขาด และผู้ต้องขังคดีทางการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักทัณฑวิทยา การตรวจเยี่ยมและการพัฒนามาตรฐานการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัว/คุมขัง เพื่อรองรับการเป็นกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ (NPM) ซึ่ง กสม. พร้อมเป็นองค์กรหลักในการดำเนินการ

กสม. ยังได้หารือถึงการดำเนินงานร่วมกันกับทางกระทรวงยุติธรรมเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องอนาคตกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศไทยเพื่อให้เป็นหลักประกันความยุติธรรมสำหรับทุกคน เช่น การผลักดันการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 การเร่งรัดให้ไทยเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรม แจ้งว่าอยู่ระหว่างการเสนอรัฐบาลพิจารณาเข้าเป็นภาคี การผลักดันร่างพระราชบัญญัติทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อเป็นกฎหมายกลางในการกำหนดรูปแบบศูนย์กลางข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรซึ่งจะนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา รวมไปถึงผู้พ้นโทษ นอกจากนี้ กสม. ยังเสนอให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดผลักดันร่างกฎหมายอื่นๆ เช่น ร่างพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล และร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้วย

ที่ประชุมยังได้หารือถึงการพัฒนากระบวนการยุติธรรมและเสริมสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรณีการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังสูงอายุที่เจ็บป่วย ที่จะต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีสถานภาพทางสังคมแตกต่างกัน โดย กสม.ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net