ศาลแจงกรณีผู้ต้องหาชาวเยอรมันคดีอนาจารเด็กได้ประกัน บินกลับบ้านปีกว่ายังไม่มา เผยเหตุให้ออกนอกประเทศ ผู้ต้องหาระบุไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาและประสงค์จะขอต่อสู้คดีถึงที่สุด - ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด (บ้านครูจา) แฉพฤติกรรมคดีต่างชาติล่วงละเมิดเด็ก รู้วิธีล้มคดี รวมกลุ่มมีเพศสัมพันธ์เด็กต่ำกว่า 13 ปี

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าตามที่ปรากฏการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสกู๊ปข่าวล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศ ซึ่งมีผู้ต้องหารายหนึ่งสัญชาติเยอรมันถูกจับในประเทศที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างถูกดำเนินคดี แต่กลับหลบหนีไม่เดินทางมารายงานตัวตามนัด หลังได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศช่วงประกันตัว

วันที่ 4 ธ.ค. 2566 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ประธานศาลฎีกาทราบข้อมูลตามที่ปรากฏข่าวแล้วไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามความคืบหน้าและให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเหตุและข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าว ซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลในเขตภาค 2 รวมถึงศาลจังหวัดพัทยาที่เป็นที่เกิดเหตุในกรณีนี้ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน และลำดับเหตุการณ์ของคดีนี้ว่าเป็นมาอย่างไร เมื่อได้ผลสรุปการตรวจสอบเป็นอย่างไรแล้วจึงจะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

โดยคดีนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา นำตัว นายเจนส์ คริช สัญชาติเยอรมัน อายุ 55 ปี ผู้ต้องหา มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยาครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ก.ย.65 ถูกตั้งข้อกล่าวหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งตามพฤติการณ์กล่าวหากระทำต่อเด็กหญิงซึ่งร่วมประเวณี 3 ครั้ง เหตุเกิดที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ช่วงเดือน มิ.ย.2565 ซึ่งการฝากขังชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนผู้ร้องไม่คัดค้านกรณีผู้ต้องหาขอให้ปล่อยชั่วคราว และผู้ต้องหาก็ไม่คัดค้านการฝากขัง ชั้นฝากขังศาลอนุญาตตามคำร้อง ขณะที่เพื่อนคนไทยของผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 200,000 บาทขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน พิจารณาอุทธรณ์ ฎีกา ให้ทำสัญญาประกัน ตีราคาประกันตามมาตรฐานกลาง วางหลักประกัน 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบคำสั่งด้วย ซึ่งตามสัญญาประกัน นายประกันรับว่าจะนำตัวผู้ต้องหามาส่งศาลตามนัดทุกครั้ง หลังจากมีการปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหายังมาติดต่อขอดำเนินการต่างๆ กับทางศาลอยู่

ต่อมาวันที่ 7 พ.ย. 2565 นายเจนส์ ผู้ต้องหา ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพัทยา ขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชั่วคราวไปประเทศเยอรมัน ในวันที่ 7 พ.ย. 2565 เนื่องจากมีความจำเป็นติดต่อธนาคารที่ประเทศเยอรมันเพื่อแสดงตนและขอให้ธนาคารเปิดการใช้ระบบการเบิกเงินออนไลน์ที่ถูกระงับไปเนื่องจากมีผู้พยายามเข้าใช้บัญชี 3 ครั้ง และกิจการเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาร่วมทำธุรกิจกับหุ้นส่วนในประเทศเยอรมันมีปัญหาที่เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาต้องเดินทางไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ต้องหาระบุด้วยว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาและประสงค์จะขอต่อสู้คดีถึงที่สุด โดยผู้ต้องหาจะเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 13 พ.ย.2565 และจะรีบมารายงานตัวต่อศาลทันทีในวันที่ 14 พ.ย.2565 ผู้ต้องหายินดีวางประกันต่อศาลโดยเสนอวางเงินสด 500,000 บาท ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือข้อบังคับที่ศาลกำหนดอย่างเคร่งครัด

โดยศาลพิจารณาเอกสารคำร้องและเอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ผู้ต้องหาแนบมาด้วยแล้วอนุญาตให้ออกนอกราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศไทย มีธุรกิจในประเทศไทย มีภรรยาเป็นคนไทย และประสงค์ขอต่อสู้คดี ซึ่งผู้ต้องหามีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศตามเอกสารของธนาคารและหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยให้มารายงานตัววันที่ 14 พ.ย.2565 มิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญาประกัน แต่เพื่อเป็นการประกันการมาศาลตามกำหนด จึงเห็นสมควรให้ผู้ต้องหาวางหลักประกันเงินสด 500,000 บาท

โดยวันที่ 14 พ.ย. 2565 ทนายความผู้ต้องหายื่นขอขยายเวลารายงานตัวเป็นวันที่ 29 พ.ย. 2565 ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาต แต่เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ได้มารายงานตัว ศาลจึงมีคำสั่งวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ให้ออกหมายจับผู้ต้องหา พร้อมสั่งปรับนายประกันตามสัญญาประกันและยึดเงินวางประกันออกนอกประเทศ รวมทั้งหมด 700,000 บาท ซึ่งศาลมีหนังสือส่งถึง ผบ.ตร.ทราบในวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ด้วย

ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค. 2565 พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา จึงนำสำนวนคดีมายื่นฟ้องนายเจนส์ ต่อศาลจังหวัดพัทยา เป็นจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1210/2565 ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 91, 277, 279, โดยท้ายฟ้องโจทก์ระบุว่า หากจำเลยยื่นคำร้องขอประกันตัวขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งวันเดียวกันศาลจังหวัดพัทยาได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตรวจสำนวนฝากขังแล้วพบว่าศาลมีคำสั่งออกหมายจับนายเจนส์ เลขที่ 457/2565 ลงวันที่ 1 ธ.ค.2565 และปรับนายประกัน ซึ่งจนถึงวันฟ้องยังจับตัวจำเลยไม่ได้และนายประกันยังไม่นำตัวจำเลยมาส่งศาล ศาลจังหวัดพัทยาจึงให้ออกหมายจับใหม่ (ชั้นพิจารณาหลังถูกฟ้อง) และกรณียังไม่แน่ว่าจะจับตัวจำเลยได้เมื่อใด จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว หากจับจำเลยได้เมื่อใด ให้อัยการโจทก์แถลงศาลเพื่อให้ยกคดีมาพิจารณาใหม่ต่อไป โดยศาลมีหนังสือแจ้งถึง ผบ.ตร. และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ทราบวันที่ 19 ธ.ค.2565

ดังนั้นขณะนี้ ขั้นตอนจึงอยู่ระหว่างเจ้าพนักงานตำรวจจะติดตามตัวจำเลยตามหมายจับใหม่ มาส่งศาลเพื่อพิจารณาคดีต่อไป

ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด (บ้านครูจา) แฉพฤติกรรมคดีต่างชาติล่วงละเมิดเด็ก

มติชนออนไลน์ รายงานว่านายศุภกร โนจา หรือครูจา ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด (บ้านครูจา) เปิดเผยว่า คดีชาวต่างชาติล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไทยจะรู้วิธีการล้มคดี เนื่องจากมีการจัดตั้งกลุ่มผู้มีรสนิยมทางเพศชื่นชอบการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีลงไป หรือช่วงอายุตั้งแต่ 12-15 ปี หรือที่นิยมที่สุด คือ เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6

ชาวต่างชาติที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก จะมีการจัดหาทนายความคนไทยช่วยสู้คดี และทำการประกันตัว เพื่อหาวิธีการหลบหนีกลับประเทศตัวเอง หรือเลือกที่จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของไทย ซึ่งวิธีการนี้จะมีการวางหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว และขอออกนอกประเทศ ก่อนจะหลบหนีไม่กลับมาสู้คดีในประเทศไทย เพราะวางหลักทรัพย์ไว้แล้วเป็นงานหลักล้านบาท โดยจะให้ทนายความพาเด็กผู้เสียหายและครอบครัวย้ายที่อยู่อาศัย เพื่อไม่ให้รับรู้การส่งเอกสารทางราชการจากศาล และจ่ายเงินเป็นค่าดูแลเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในประเทศไทย

ครูจาบอกเพิ่มเติมว่า ในบางคดีเจ้าหน้าที่ก็ขอหมายจับสากลดำเนินคดีกับผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือซื้อบริการเด็กในประเทศไทย และขึ้นศาลในต่างประเทศก็มี แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐว่าดำเนินการในส่วนนี้หรือไม่

ครูจาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกอีกว่า กลุ่มชาวต่างชาติจะมีการตั้งกลุ่มชื่อว่า Peadeo Phile Group (เพโดฟายด์กรุ๊ป) พูดคุยและแนะนำการจัดหาเด็กทั้งหญิงชายมามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะนิยมมากที่สุดคืออายุ 13 ปีลงไป โดยจะรวมกลุ่มกันที่บาร์เบียร์ในพัทยา ย่านหาดดงตาล ซอยบัวขาว หลังตึกคอมพัทยาใต้ ซึ่งจะมีการแสดงสัญลักษณ์กลุ่ม เช่น การใส่ต่างหูเป็นรูปต่างๆ รู้กันเฉพาะกลุ่ม (ที่นิยมคือรูปไม้กางเขน), รอยสักเฉพาะที่แขน

โดยกลุ่มนี้จะมีคนไทยเป็นธุระจัดหา เสนอเด็กทั้งชายหญิงมาขายบริการทางเพศ ซึ่งที่ผ่านมาสถิติการจับกุมไปถึงกลุ่มธุระจัดหามีน้อยมากหรือไม่มีข้อมูลไปถึง เพราะยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง

นอกจากชาวต่างชาติที่ประสานผ่านธุระจัดหาแล้ว ยังมีกลุ่ม Peadeo Phile Group ที่อยู่ประเทศไทยมานานจะเช่าบ้าน และค้นหาเด็กทั้งผู้ชายและผู้หญิงมามีเพศสัมพันธ์ด้วยตัวเอง โดยจะเข้าไปยังแหล่งชุมชนชาวประมงที่มีลูก ก่อนออกอุบายเสนอเงินให้ใช้และซื้อของที่มีมูลค่า เพื่อชักจูงไปมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งครอบครัวเหยื่อชาวประมงส่วนใหญ่ก็เต็มใจ เพราะได้เงินจากชาวต่างชาติเหล่านี้

หรือแม้แต่การใช้วิธีหาหญิงสาวคนไทยที่มีลูกติดแต่งงาน เพื่อจุดประสงค์การมีเพศสัมพันธ์กับลูกติดคนไทย จึงอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหา และผลักดันชาวต่างชาติเหล่านี้ออกนอกประเทศ เพื่อไม่ให้เด็กไทยตกเป็นเหยื่อทางเพศ