สื่อเบนาร์นิวส์เผยความกังวลนโยบายยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีน อาจทำให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ อาศัยช่องโหว่ของนโยบายเข้ามาในประเทศไทย - กลัวกลุ่มทุนชาวจีนเข้ามาตั้งบริษัทและขโมยงานจากคนไทย 

แฟ้มภาพกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

เบนาร์นิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2566 ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศนโนบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 ถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 โดยมีความหวังว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึง 30 ล้านคน ภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวด้วย

สาธารณชน สื่อมวลชน และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตอบรับนโยบายนี้ด้วยความเห็นที่หลากหลาย ขณะที่หน่วยงานภาครัฐประเมินว่า นโยบายอาจไม่ได้รับการตอบรับตามที่คาดการณ์ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีนที่ตกต่ำ

รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุว่า พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีความกังวลว่านโยบายนี้อาจทำให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ อาศัยช่องโหว่ของนโยบายเข้ามาในประเทศไทย

ที่ผ่านมา มีข่าวชาวจีนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในการลักพาตัวเพื่อนร่วมชาติชาวจีนด้วยกันเองไปเรียกค่าไถ่ ระหว่างอาศัยอยู่ในประเทศไทย ขณะที่ในปีที่ผ่านมาตำรวจไทยและตำรวจจีนประกาศความร่วมมือในการปราบปราม ขุดรากถอนโคนแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า รัฐบาลได้จับตาธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น ทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างใกล้ชิด

ชาวจีนตั้งบริษัทจัดทัวร์ศูนย์เหรียญ เพื่อขายแพ็กเกจทัวร์ราคาถูก กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงในประเทศไทยก่อนสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ต่อมารัฐบาลได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาบังคับให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินในร้านค้า โรงแรม และร้านอาหาร เกินราคาจริง ซึ่งมีการทำงานเป็นเครือข่าย โดยเจ้าของกิจการเป็นคนจีน

ต่อมา ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ในหลายข้อหา แต่มัคคุเทศก์และเจ้าของธุรกิจยังแสดงความกังวลและมีข้อสงสัย

“มีความกังวลว่ากลุ่มทุนชาวจีนอาจจะเข้ามาที่ประเทศไทยและตั้งบริษัทและขโมยงานจากคนไทย ในข้อเท็จจริงคนพวกนี้เข้ามาอยู่ประเทศไทยนานแล้ว ก่อนที่ประเทศไทยจะประกาศฟรีวีซ่าเสียอีก” นายไพศาล ซื่อธานุวงศ์ กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวกับเบนาร์นิวส์

อย่างไรก็ตาม ไพศาล ระบุว่านโยบายฟรีวีซ่า อาจส่งผลดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 11 ล้านคน ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดในปี 2562 แต่จัดได้ว่าเป็นกลุ่มที่กลับมาอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่จีนประกาศเปิดประเทศในเดือนมกราคมปีนี้

ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นับแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 10 ก.ย. ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 18.5 ล้านคน ในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 2.2 ล้านคน นับเป็นอันดับสองรองจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ขณะที่ประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 262,443 คน ในปีที่แล้วเท่านั้น

มาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนน่าจะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยได้อย่างมาก เนื่องจากจะทำให้พวกเขาเดินทางท่องเที่ยวได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ดร. ศุภชัย เจริญกิตติไพศาล นักวิจัยประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ระบุ

“เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนที่ 5 ล้านคน ผมคิดว่าอันนี้เป็นไปได้มาก เนื่องจากจีนเพิ่งผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง และแม้เราจะรู้กันว่าสภาพเศรษฐกิจในจีนเองก็ไม่ค่อยดี ผู้คนเดินทางน้อยลง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่ไทยในหมู่นักท่องเที่ยวจีนอยู่” ดร. ศุภชัย กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ก่อนการระบาดของโควิด-19 การท่องเที่ยวระหว่างประเทศถือเป็นปัจจัยหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่อุตสาหกรรมต้องพังทลายยับเยินเมื่อนานาชาติประกาศปิดประเทศ และประเทศไทยเองก็ได้ดำเนินนโยบายเข้มงวดในการต้อนรับชาวต่างชาติ GDP ประเทศไทยในปี 2565 จึงเติบโตเพียง 2.6 เปอร์เซ็นต์

ถ้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัว ก็จะส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ดร. กมลมาลย์ แจ้งล้อม นักวิเคราะห์อาวุโส ประจำ Economic Intelligence Center ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุ

“เราคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ที่ 3.1 เปอร์เซ็นต์” ดร. กมลมาลย์ กล่าว “ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาแรงผลักดันจากการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังห่างไกลอยู่”

“การกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้เหมือนกับในช่วงก่อนการเกิดโรคระบาดโควิด-19 อาจจะต้องใช้เวลาถึงปี 2567 ซึ่งการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงต่ำกว่าในปี 2562 เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และยังมีปัจจัยเรื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และค่าจ้างแรงงานเป็นแรงกดดัน” ดร. กมลมาลย์กล่าว