Skip to main content
sharethis

พรรคไทยภักดี ออกแถลงการณ์จี้กองทัพบก-อัยการสูงสุด รื้อคดี ม.112 'ทักษิณ' เมื่อปี 2558 พร้อมส่งเรื่องต่อ 'กรมราชทัณฑ์' พรุ่งนี้ (28 ส.ค.) คัดค้านปมขอพระราชทานอภัยโทษ

27 ส.ค. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยนางอิสราพร นรินทร์ หัวหน้าพรรค แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีความเก่าของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคดีเก่าเมื่อปี 2558 ที่ทางกองทัพบกยื่นฟ้องทางนายทักษิณ หมิ่นประมาท จากที่มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายทักษิณ จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกระทบต่อกองทัพบก ซึ่งเรื่องดังกล่าวท้ายสุดแล้ว อัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยในส่วนของ 2 ประเด็น หลัก คือ 1. ในเรื่องของการขอให้กองทัพบกและอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ เร่งรัดดำเนินคดีหมิ่นประมาท และคดีความผิด ม.112 กับนายทักษิณ และ 2. ขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนักโทษชายทักษิณ มองเป็นเรื่องที่อาจจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเบื้องบนได้

นางอิสราพร กล่าวว่าคดีของนายทักษิณมีทั้งหมด 9 คดี และมีการพิพากษาของศาลแล้ว 4 คดี รวม โทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี แต่มีบางคดีที่โทษจำคุกหมดอายุความ รวมทั้งบางคดีถือว่าจำคุกซ้อนกันและต่อเนื่อง จึงเหลือจำคุกโทษ 8 ปี ซึ่งในส่วนนี้ยังคงมีคดีที่คงค้างอยู่ในศาลอีกหนึ่งคดี นั่นก็คือกรณีที่กองทัพบกยื่นฟ้องนายทักษิณหมิ่นประมาทจากที่มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายทักษิณ จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกระทบต่อกองทัพบก คดีดังกล่าวศาลรับฟ้องเมื่อช่วงวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา รวมไปถึงยังมีคดีที่เป็นความผิดร้ายแรง ในช่วงก่อนหน้าจากที่ถูกออกหมายจับโดยตำรวจ ปอท.หมิ่นประมาท ดูหมิ่น ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีอายุความ 15 ปี ซึ่งสุดท้ายแล้วมีกระแสข่าวว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งสุดท้ายแล้วนายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดและขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าว

ทั้งนี้เมื่อนายทักษิณ เดินทางกลับมายังประเทศไทยและถูกจำคุกไปแล้วจาก 3 คดี รวม 8 ปี ทางพรรคไทยภักดี เลยอยากจะสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ยังคงค้างอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบก ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท เลยอยากให้กองทัพบกมีการเร่งรัดรื้อคดีขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับทางอัยการสูงสุดเอง ควรจะเร่งนำคดีดังกล่าวมาพิจารณา เพราะมองว่าเป็นคดีที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ รวมไปถึงพรรคไทยภักดี ขอคัดค้านในส่วนของการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนายทักษิณ ชินวัตร เพราะมองว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอรัปชั่น และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบในช่วงที่มีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากถึง 4 คดี มองเป็นการกระทำความผิดหลายกรรม หลายวาระ ประเทศชาติเองย่อมได้รับความเสียหายจากพฤติกรรมของนายทักษิณที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล และที่สำคัญหากได้รับสิทธิ จะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาค เท่าเทียมกันทางกฎหมายของประชาชน ทำให้วาทะกรรมที่ว่าคุกมีไว้ขังคนจนปรากฏเป็นจริงขึ้นมา

นพ.วรงค์ ยังเผยว่าเพื่อความชัดเจนพรุ่งนี้ ตนจะส่งตัวแทนของพรรคไทยภักดี เข้ายื่นเรื่องต่อกรมราชทัณฑ์ เพื่อขัดค้านในประเด็นดังกล่าวช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. และมีการยื่นเรื่องต่อไปยัง ปอท. ช่วง 11 โมง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นเรื่องที่นายทักษิณ กลับมาในประเทศ พร้อมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย แต่กลับมีข้อกังขาเรื่องของอาการป่วย ที่ค่อนข้างขัดแย้งกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในช่วงที่จะกลับมา ในส่วนนี้ นพ.วรงค์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวในโซเชียลมีเดียยอมรับว่าค่อนข้างเป็นกระแสสังคมที่ค่อนข้างแรง อาการป่วยและเหตุจำเป็นที่จะต้องย้ายไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ค่อนข้างขัดแย้งกับช่วงที่เขากลับมา ทำให้หลานคนมองว่าเป็นเหตุการณ์ป่วยการเมืองหรือไม่ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นในส่วนของพรรคไทยภักดีพร้อมจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริง และให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าสังคมไม่เชื่อว่าทางนายทักษิณจะมีอาการป่วยจริง ซึ่งทางออกเดียวที่สามารถชี้แจงและกระจ่างให้สังคมไม่เกิดข้อกังขา นั่นก็คือทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ควรจะออกมาแถลงหรือชี้แจงถึงสาเหตุการป่วย ไม่ถึงขั้นกดดันที่จะต้องให้มีภาพหรือทางสื่อมวลชนสามารถเข้าไปตรวจสอบในส่วนของอาการป่วย ถามความเห็นส่วนตัวในฐานะแพทย์ ไม่เชื่อว่าทางเจ้าตัวจะมีอาการป่วยจริง อยากให้หน่วยงานหรือรัฐบาลที่เกี่ยวข้องควรจะมีการทำอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลที่ตอนนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการจัดตั้งในฐานะมุมมองนักการเมือง มองว่าทิศทางของรัฐบาลในอนาคตจะเดินหน้าไปอย่างไร นพ.วรงค์ มองว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรคเป็นหลัก และหวังรวมไปถึงเรียกร้องกับทางพรรคร่วมมากกว่า เพราะมีบางพรรคที่ตนเองเคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กันมา เชื่อว่าในส่วนของพรรคร่วมเองคงจะมองเห็นความถูกต้องเป็นหลัก ในใจมองเห็นความสำคัญของพี่น้อง กปปส. ที่ไปต่อสู้กับระบอบทักษิณ ตาย 24 คน บาดเจ็บ 700 คน หลังจากนี้เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคร่วมควรจะยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมและความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่ได้เป็นที่พึ่งของประชาชน มองรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ หรือ รัฐบาล สบประโยชน์ ในส่วนนี้ตนไม่ขอตีตรา แต่จะให้โอกาสรัฐบาลได้พิสูจน์สิ่งที่พูด

ส่วนท่าทีการกลับมาของนายทักษิณ นพ.วรงค์ กล่าวว่าตนเองและพรรคไทยภักดี ยืนยันเจตนารมณ์และแสดงจุดยืนมาตั้งแต่ต้นในช่วงที่มีการหาเสียง ว่าพร้อมที่จะให้นายทักษิณกลับบ้าน พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตอนนี้ได้เกิดขึ้นและเริ่มต้นแล้ว และหลังจากนี้จะต้องมีการดำเนินการโปร่งใส ในส่วนตัวและพรรคไทยภักดีก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นภาพดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net