Skip to main content
sharethis

'คุรุสภา' เผยสถิติลงโทษครูทำผิดจรรยาบรรณรอบปี 2566 (ณ 30 มิ.ย.) เพิกถอนใบอนุญาตแล้ว 16 ราย พบมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับล่วงละเมิดทางเพศถึง 27 เรื่อง

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2566 ว่าผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวปรากฏผ่านสื่อสาธารณะและสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนโดยใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม เช่น การเฆี่ยนตี การให้อมถุงเท้า ให้ถอดกระโปรง และยังมีกรณีความผิดทางเพศ ที่ครูกระทำต่อผู้เรียนที่เป็นศิษย์ในความดูแล ซึ่งการกระทำดังกล่าวล้วนแต่ขัดต่อจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ที่ครูจะต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์  

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเกิดเหตุเกี่ยวกับการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพครู ที่อาจเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพครู ทั้งกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเป็นหนังสือ หรือกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนใดๆ ก็ตาม คุรุสภาจะเร่งดำเนินการพิจารณาโทษทางจรรยาบรรณอย่างเร่งด่วนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาที่เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. เลขาธิการคุรุสภาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบวิชาชีพที่ถูกร้องเรียน 2. กรณีพบว่าเรื่องร้องเรียนมีมูล คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสารจากหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย และพยานเอกสารอื่นๆ รวมทั้ง ให้โอกาสผู้ประกอบวิชาชีพที่ถูกกล่าวหา/กล่าวโทษ ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา/กล่าวโทษ และ 3. เมื่อคณะอนุกรรมการสอบสวนดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะนำเสนอรายงานการสอบสวนต่อ กมว. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยขี้ขาด และกำหนดระดับความผิดทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งจะมีโทษตั้งแต่ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

ที่ผ่านมา คุรุสภา โดย กมว.ได้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดกรณีผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาถูกกล่าวหา/กล่าวโทษว่าประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพไปแล้วจำนวนมาก และได้มีการออกคำวินิจฉัยแจ้งไปยังผู้ประกอบวิชาชีพ และหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยดังกล่าว หากผู้ประกอบวิชาชีพคนใดถูกคำวินิจฉัยให้พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต บุคคลนั้นจะประกอบวิชาชีพดังกล่าวต่อไปไม่ได้ตามเงื่อนไขของคำวินิจฉัย และหากหน่วยงานต้นสังกัดไม่สามารถจัดหาตำแหน่งอื่นใดรองรับให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ จะส่งผลให้บุคคลนั้นต้องพ้นจากหน้าที่ไป    

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวด้วยว่า สถิติข้อมูลตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน กมว.ได้มีคำวินิจฉัยกำหนดระดับความผิดทางจรรยาบรรณของวิชาชีพเรียบร้อยแล้ว จำนวน 174 ราย ดังนี้ ตักเตือน 23 ราย ภาคทัณฑ์ 41 ราย พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 52 ราย เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 58 ราย ทั้งนี้ กรณีการกระทำผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการลงโทษนักเรียนโดยใช้วิธีการรุนแรง จนทำให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บ เป็นกรณีความผิดที่มีระดับโทษสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ  

ระหว่างปี 2565 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา/กล่าวโทษ ในเรื่องเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ รวม 27 เรื่อง ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 3 ราย ถูกเพิกถอนใบอนุญาต 16 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ 8 เรื่อง เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู ประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครูอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ และเกิดผลเสียต่อผู้เรียนที่ได้รับผลกระทบจากการประพฤติผิดดังกล่าว แล้วถูกลงโทษทางวินัยและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการประกอบวิชาชีพ อีกทั้งเพื่อผดุงเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพครู

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net