Skip to main content
sharethis

ล่าสุดหลัง 'หยก' ได้เข้าเรียนแล้วหลังรอหน้าโรงเรียนอยู่ 3 ชม.จนต้องปีนเข้าเอง ทางผู้ปกครองแจงที่ผ่านมาทางโรงเรียนเคยมีเรียกแค่มาชี้แจงเรื่องหักคะแนนไม่เข้าเคารพธงชาติแต่ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องใส่ไปรเวทเข้าเรียน ส่วนทาง รมต.ศึกษาฯ แจ้ง ผอ.โรงเรียนยังไม่ได้ไล่หยกออก 

14 มิ.ย.2566 หลังจากเมื่อคืนวานนี้(13 มฺ.ย.) ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก อายุ 15 ปี โพสต์แจ้งว่ารองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ (ตอพ.) แจ้งไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากถูกครู 6 คน เรียกไปคุยโดยไม่มีผู้ปกครอง และวันนี้เมื่อธนลพย์ไปที่โรงเรียนแต่ทางโรงเรียนไม่ให้เธอเข้าเรียน

โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท กลุ่มโมกหลวงริมน้ำที่ทางครอบครัวแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองของธนลภย์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาธนลภย์ก็ใส่ชุดไปรเวทและย้อมผมไปเรียน โดยที่เธอเองก็ตั้งคำถามกับระเบียบของโรงเรียนมาตลอดว่าการใส่ชุดไปรเวทกับย้อมผมมันจะส่งผลต่อการเรียนอย่างไร รวมถึงการไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่นการเข้ารับพระเกี้ยว การเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้า ว่าทำไมต้องทำกิจกรรมเหล่านี้ แต่แม้จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ธนลภย์ก็เข้าเรียนตามเวลาไม่เคยสาย

ผู้ปกครองของธนลภย์เล่าอีกว่าที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็เคยมีการคุยกับผู้ปกครองเรื่องการตักเตือนและตัดคะแนนเธอที่ไม่มาเข้าแถวตอนเช้า แต่เรื่องย้อมผมกับเรื่องใส่ชุดไปรเวทมาเรียนทางโรงเรียนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนเรื่องไล่ออกถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงไม่มีน้ำหนัก แต่คนที่พูดกับธนลภย์เมื่อวานเป็นถึงรองผู้อำนวยการ

"คือถ้าเรามองในมิติของมหาลัยหรือคนทำงาน ทุกที่มันมีกฎระเบียบแหละ แต่เราสามารถตั้งคำถามกับกฎตรงนั้นได้ ยิ่งในฐานะของครูที่ให้การศึกษาเด็กก็ควรจะให้คำตอบได้ว่าทำไมถึงทำอะไรได้ อะไรถึงทำไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องข่มขู่ หรือไม่จำเป็นต้องหักคะแนนอย่างเดียว หยกก็ถามมาตลอด แต่ครูก็จะพาดพิงในห้องเรียน มีการเรียกคุยเรื่อยๆ ตลอด 3 สัปดาห์ของการเปิดเทอม" โสภณกล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ธนลภย์ออกไปทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าธนลภย์มีการพูดถึงครูผู้ชายที่อยู่ในเหตุการณ์ถามเธอว่าไปทำอะไรมาจึงมีคนมาติดตาม

โสภณกล่าวว่าเรื่องคนมาตามคือเคยมีตำรวจมาตามถ่ายรูปธนลภย์ แล้วที่ธนลภย์เคยถ่ายรูปส่งมาให้ดูก็มีคนสวมชุดจิตอาสาเสื้อเหลืองหมวกสีฟ้ามาตาม ครูก็เลยถามธนลภย์ว่าไปทำอะไรมาถึงโดนตาม

ผู้ปกครองของธนลภย์ตอบอีกว่า ที่ผ่านมาเรื่องที่ธนลภย์ไปทำกิจกรรมก็มีครูบางคนกล่าวพาดพิงเหน็บแนมที่ธนลภย์ไปทำกิจกรรมอยู่บ้างระหว่างคาบเรียนแต่ก็ไม่ได้มีการห้ามหรือตักเตือนแต่อย่างใด นอกจากนั้นธนลภย์เองก็ทำกิจกรรมกับโมกหลวงริมน้ำมานานแล้วตั้งแต่กิจกรรมทวงคืนยุติธรรมตอนนั้นมีคนนอกติดตามธนลภย์ถึงโรงเรียนก็ยังเคยมีครูผู้ปกครองที่ออกมาปกป้องธนลภย์จากการถูกบุคคลภายนอกมาติดตามเธอเข้าไปในโรงเรียนด้วย ซึ่งสำหรับเขาเองก็รู้สึกแปลกใจที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานนี้ขึ้นมา

ทั้งนี้ทางประชาไทโทรศัพท์ติดต่อกับทางโรงเรียนหลายครั้งช่วง 10.55-11.55 น. เพื่อขอคำชี้แจงแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ แต่ก่อนหน้านั้นเวลา 10.33 น. เดอะ แมทเทอร์รายงานว่าได้ติดต่อกับทางโรงเรียนแล้วแต่ทางโรงเรียนระบุว่าไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้

โรงเรียนไม่ให้เข้า

8.17 น. ตามเวลาที่ระบุในไลฟ์ของธนลภย์ขณะอยู่ที่หน้าโรงเรียน ธนลภย์แจ้งผ่านไลฟ์ว่าทางโรงเรียนให้พนักงานรักษาความปลอดภัยห้ามไม่ให้เธอเข้าในโรงเรียน จากนั้นก็มีการเรียกธนลภย์เข้าไปนั่งรอในห้องประชาสัมพันธ์ จนกระทั่ง 10.44 น.เธอไลฟ์อีกครั้งและแจ้งว่ามีผู้ปกครองมาแล้วแต่ทางโรงเรียนก็ยังไม่ให้เข้า

อย่างไรตามเวลาผ่านไปราว 20 นาที ธนลภย์ใช้ม้านั่งต่อเท้าปีนเข้าไปในโรงเรียนจากนั้นจึงมีบุคคลที่คาดว่าเป็นอาจารย์ในโรงเรียนเดินมาถามเรื่องการปีนการเข้ามาในโรงเรียนและบอกให้เธอรออยู่ที่หน้าทางเข้าแต่ไม่มีใครออกมาชี้แจงอะไรกับเธออีกก่อนเธอจะเดินเข้าไปในโรงเรียนและปิดไลฟ์ไป

ทั้งนี้เนติพร หรือบุ้ง ที่ติดตามไปพบธนลภย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังจากเช้าวันนี้ธนลภย์ต้องรออยู่หน้าโรงเรียนถึง 3 ชั่วโมงโดยไม่ได้รับคำชี้แจงจากผู้อำนวยการหรือครูคนใด ธนลภย์จึงตัดสินใจปืนเข้าโรงเรียนไปและได้เข้าไปนั่งเรียนแล้ว 

รมต.ศึกษาฯ แจง ผอ.โรงเรียนยังไม่ได้ให้ออก

เมื่อเวลา 11.43 น. มติชนออนไลน์รายงานว่าวันนี้ ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงเรื่องของธนลภย์ว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียนรายงานว่ายังไม่มีการให้ธนลภย์ออกจากโรงเรียน และยังมีสภาพความเป็นนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าธนลภย์ยังสามารถเข้าเรียนได้ตามปกติ

นอกจากนั้นรัฐมนตรีศึกษาฯ ยังกล่าวถึงเรื่องการใส่ชุดไปรเวทเข้าเรียนด้วยว่า ต้องดูระเบียบของโรงเรียนที่บางวันสามารถใส่ได้แต่ต้องเป็นไปตามระเบียบของโรงเรียนด้วย ที่ธนลภย์อ้างเรื่องเสรีภาพนั้นยังต้องคำนึงว่าอยู่ในองค์กรใด และต้องให้ความเคารพต่อระบบและระเบียบของโรงเรียนนั้น และไม่ใช่แค่ในโรงเรียนแต่ต้องเคารพระบบระเบียบขององค์กรนั้นๆ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนและนักเรียนต้องคำนึงถึง

มอบตัวไม่สมบูรณ์ต้องให้พ่อแม่มา

วันเดียวกันนี้ บีบีซีไทยรายงานเพิ่มเติมเรื่องนี้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาโดยมีการสัมภาษณ์เนติพร หรือ บุ้งที่เป็นผู้ปกครองของธนลภย์ มีข้อมูลเพิ่มมาว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ทางโรงเรียนโทรศัพท์แจ้งมาว่าให้พาพ่อแม่ของธนลภย์มาภายในวันที่ 10 มิ.ย.ไม่เช่นนั้นก็จะลบรายชื่อจากโรงเรียนและไล่ออก 

ทั้งนี้บุ้งอธิบายกับบีบีซีไทยด้วยว่าในการมอบตัวธนลภย์ให้กับทางโรงเรียนเมื่อ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เธอ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและสมาชิกพรรคก้าวไกล ร่วมกันส่งธนลภย์และเธอเองเป็นคนเซนเอกสารมอบตัวเข้าเรียนโดยที่ทางโรงเรียนได้ไม่มีปัญหาอะไรและยินยอมให้มอบตัวธนลภย์เข้าเรียนได้

บีบีซีไทยรายงานเพิ่มอีกว่ามีอาจารย์ของโรงเรียนเข้าชี้แจงกับสื่อมวลชนที่หน้าโรงเรียนว่า ธนลภย์ยังไม่ได้อยู่ในสถานะนักเรียน 100% เพราะเอกสารไม่ครบ เนื่องจากไม่มีการเซนมอบตัวโดยผู้ปกครองที่เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

ระเบียบการลงโทษนักเรียน

ทั้งนี้จากการสืบค้นเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนพบว่าตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 ที่มีการใช้อยู่ในตอนนี้มีการกำหนดบทลงโทษไว้เพียงแค่ 4 ข้อคือ ตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนความประพฤติ และให้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

นอกจากนั้นเมื่อปี 2563 เคยเกิดกรณีที่ทางโรงเรียนเทพศิรินทร์ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐเคยออกแนวปฏิบัติของครูที่ปฏิบัติต่อนักเรียนในช่วงโควิด-19 มาและมีข้อที่เกี่ยวกับการแต่งไปรเวทมาเรียนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบให้มีการเรียกผู้ปกครองและนักเรียนมาลงชื่อยืนยันและทางโรงเรียนจะจัดหาหน่วยงานมาดูแลนักเรียนให้ศึกษาจนจบหลักสูตร 

อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้กล่าวถึงการออกข้อกำหนดของโรงเรียนเทพศิรินทร์ครั้งนั้นว่าตมระเบียบกระทรวงทางโรงเรียนไม่สามารถลงโทษเกินกว่าระเบียบกระทรวงได้ ยกเว้นแต่เป็นความสมัครใจของผู้ปกครองและนักเรียนหากไม่มีความสุขที่จะเรียนที่โรงเรียนเดิมต่อไป ก็ต้องหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกัน และผู้อำนวนการไม่มีอำนาจให้เด็กออกจากโรงเรียน เว้นแต่มีข้อเท็จจริงว่ามีการให้ทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทางโรงเรียนมีการพูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียนถึงเรื่องการย้ายสถานที่เรียนแล้ว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net