Skip to main content
sharethis

กลุ่ม Nurses Connect เผยปัญหา รพ.สังกัด กทม. บุคลากรขาดแคลนหนัก บีบพยาบาลขึ้นเวร 24 ชั่วโมง - ผู้บริหาร กทม. แถลงขออภัยพยาบาลเหตุทำงานเกินเวลา เตรียมเร่งบรรจุพยาบาลใหม่ พร้อมปรับปรุงระบบเตือนทำงานเกินเวลา โดยนำเทคโนโลยีมาใช้

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 เพจ Nurses Connect แจ้งว่า Nurses Connect ได้รับข้อมูลจากหลายโรงพยาบาลในสังกัดกทม.ว่าขณะนี้ เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรอย่างหนัก เนื่องจากการสูญเสียบุคลากรจากภาระงานที่มากเกินไป จนถึงขั้นต้องบีบให้พยาบาลทำงานควบเวร เช้า บ่าย ดึก ติดต่อกัน 24 ชั่วโมง

ในเมื่อต้นสังกัดจัดการปัญหากำลังคนไม่ได้ บุคลากรหลายท่านจึงต้องดำเนินการร้องเรียนปัญหาด้วยตัวเอง ผ่านช่องทาง Traffy Fondue แต่กลายเป็นว่าปัญหากลับย้อนกลับมายังโรงพยาบาล พร้อมเหตุผลว่า “ก็คนไม่พอ” อีกทั้งยังมีการล่าแม่มดจากฝ่ายบริหารเพื่อตามหาว่าใครเป็นผู้ร้องเรียนปัญหาเหล่านี้

ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานราวกับเป็นชีวิตปกติ ทั้งเรื่องการไร้กรอบภาระงานที่ชัดเจน, การบริหารบุคลากร รวมไปถึงการใช้อำนาจในที่ทำงานในทางที่ผิด

ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลสังกัดกทม. จะมีความเป็นเอกเทศในการบริหาร เนื่องจากขึ้นตรงกับกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะ แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังส่งไปไม่ถึงผู้มีอำนาจในการจัดการ อีกทั้งยังถูกตีกลับมาให้ผู้บริหารโรงพยาบาลใช้อำนาจรังแกบุคลากรของตนเองอีก

Nurses Connect ขอร้องเรียนให้กรุงเทพมหานคร รีบลงไปตรวจสอบสถานการณ์โดยด่วน ก่อนที่จะสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ไปมากกว่านี้ 

ผู้บริหาร กทม. แถลงขออภัยพยาบาลเหตุทำงานเกินเวลา เตรียมเร่งบรรจุพยาบาลใหม่ พร้อมปรับปรุงระบบเตือนทำงานเกินเวลา โดยนำเทคโนโลยีมาใช้

ต่อมาวันเดียวกันนั้น (2 มิ.ย.) สำนักข่าวไทย รายงานว่ารศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงปัญหาการขาดแคลนบุคลากร จากกรณีทางสื่อออนไลน์ได้กล่าวถึงบุคลากรทางการแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครทำงานเกินเวลา กรุงเทพมหานครจึงได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นจากระบบ Traffy Fondue พบว่ามีผู้ร้องเรียนเข้ามาจริง

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า การให้พยาบาลทำงานเกินกว่าชั่วโมงที่ควรจะต้องทำ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะจริงๆ แล้วทางสำนักการแพทย์มีมาตรฐานการทำงานที่เข้มงวด โดยปกติพยาบาลจะอยู่กะได้ติดต่อกันแค่เพียง 2 กะเท่านั้น คือไม่เกิน 16 ชั่วโมง ซึ่งทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กำชับเรื่องนี้ไว้ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าพยาบาลทำงานนานจนเกินไปอาจจะเป็นไปได้ที่จะกระทบต่อความเหนื่อย กระทบต่อสมาธิ หรืออาจจะกระทบต่อการรักษาพยาบาลประชาชน ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ความสามารถ หรืออารมณ์ จึงได้สั่งการให้หาข้อเท็จจริงและทำการแก้ไข โดยไม่ให้มีการทำงานเกินกว่าชั่วโมงมาตรฐานอีก

จากระบบ Traffy Fondue ทำให้พอจะทราบตำแหน่งโดยสังเขปของปัญหาว่าน่าจะอยู่ในโซนตะวันออก ซึ่งสามารถเข้าใจต้นสายปลายเหตุได้บางส่วนว่า ประชากรในพื้นที่กรุงเทพมหานครในโซนดังกล่าวมีจำนวนมากจริงๆ เมื่อนำรายชื่อพยาบาลที่เข้ากะครั้งละ 8 ชั่วโมง มาตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีมูลแห่งความจริง ยอมรับว่าอาจจะเป็นระบบของเราที่ไม่มีการเตือนว่าพยาบาลทำงานเกินกว่าชั่วโมงที่เรากำหนดไว้แล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวมีในโรงพยาบาลวชิรพยาบาล คือ สามารถสแกนใบหน้าบันทึกข้อมูลการเข้าเวร ในส่วนของโรงพยาบาลกลางก็จะมีระบบการตรวจสอบข้อมูลนี้จากฐานข้อมูลเวรกลางของโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานครต้องไปจัดการทำการแก้ไขให้ระบบแบบนี้เกิดขึ้นในทุกโรงพยาบาล

อีกมุมหนึ่งปัญหาอาจจะเป็นที่การบริหารจัดการของเราในบางช่วงเวลา เช่น กรณีที่การบริหารจัดการเวรพยาบาลมีอยู่แล้วในจำนวนที่ค่อนข้างพอดี แล้วเกิดเหตุพยาบาลมีการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นโดยพร้อมกัน จำเป็นต้องให้พยาบาลหยุด 3-5 คน ในเวลาเดียวกัน ก็อาจจะทำให้คนที่เหลืออยู่ต้องทำงานยาวนานเกินไป ในเรื่องนี้กรุงเทพมหานครมีการจ้างพยาบาลห้วงเวลาเสริมอยู่ทุกโรงพยาบาล และเรื่องอัตรากำลังที่ตึงตัว เราก็พยายามจะเรียกบรรจุเพิ่มเติมอยู่ในทุกโรงพยาบาล ซึ่งจะทยอยเข้าในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม กรุงเทพมหานครไม่ปฏิเสธเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น โดยจะมีการปรับระบบบริหารจัดการบุคลากรใหม่ทั้งหมดในทุกโรงพยาบาล เพื่อให้เห็นหน้าตักทรัพยากรของทั้งโรงพยาบาลและสามารถบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้น ต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น เมื่อพยาบาลเข้าเวรให้มีระบบนับจำนวนชั่วโมง หากครบ 16 ชั่วโมง จะต้องมีการเตือน ซึ่งการปรับระบบนี้จะต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำอีก และเพื่อไม่ให้บุคลากรของเราต้องทำงานหนักเกินไป เพราะอาจจะกระทบไปถึงภาคประชาชนที่มารับบริการ เราต้องบริหารจัดการจำนวนพยาบาลให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงัก ต้องคุยกับบุคลากรถึงขั้นตอนการทำงาน การอยู่เวร ส่วนสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยบังคับ หรือการบังคับให้อยู่ต่อ ไม่ควรเกิดขึ้น

สำหรับตำแหน่งว่างพยาบาลวิชาชีพและตำแหน่งอื่นๆ อยู่ในระหว่างดำเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร ในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตจากพยาบาลเกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทร์ 138 ราย อยู่ระหว่างรอประกาศผลสอบเพื่ออนุญาตใบวิชาชีพการพยาบาล ซึ่งเราน่าจะสามารถดึงบุคลากรบางส่วนจากตรงนี้ไปได้ ในขณะเดียวกันของสังกัดสำนักการแพทย์โดยตรง ซึ่งได้ดำเนินการสัมภาษณ์แล้วจะบรรจุแต่งตั้งภายใน 1 สิงหาคมนี้ จะเร่งประสานว่าสามารถที่จะบรรจุแต่งตั้งเร็วกว่านั้นได้หรือไม่ อีกทั้งยังต้องดูเรื่องแผนการเกลี่ยอัตรากำลัง เนื่องจากครั้งหนึ่งมีการเปิดโรงพยาบาลใหม่ จึงมีการเกลี่ยอัตรากำลังไป และหลังจากการเกลี่ยอัตรากำลังครั้งนั้นยังไม่ได้ทบทวนในจำนวนที่เพียงพอและรวดเร็ว นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะถูกควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น แต่โรงพยาบาลสามารถบริหารจัดการความยืดหยุ่นของเงินทุนของตัวเองในการจ้างพยาบาลห้วงเวลาเสริมได้ ฉะนั้นต้องยอมรับว่าเราบริหารจัดการได้ไม่รอบคอบพอ

“ต้องขออภัยน้องพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำให้เกิดความเครียด หลังจากนี้จะมีการเร่งจัดการเรื่องอัตรากำลัง โดยประสานไปยังสำนักงาน ก.ก. ในการเรียกบรรจุสำหรับบุคคลที่สอบแข่งขันได้ และขึ้นบัญชีไว้ให้เร็วขึ้น หากสามารถทำได้” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวทิ้งท้าย

ในส่วนของผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นที่น่าเห็นใจ เนื่องจากระบบงานของโรงพยาบาลมีภาระงานจำนวนมาก มีจำนวนพยาบาลของสำนักการแพทย์อยู่ที่ 2,300 คน อย่างไรก็ตาม สำนักการแพทย์ให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรฐานในการดูแลประชาชน และการทำงานต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสภาการพยาบาล ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลก็มีการประกันคุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาลด้วย ในวันนี้จึงได้มีการคุยกับผู้บริหารของแต่ละโรงพยาบาลว่าจะต้องให้ความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของน้องๆ พยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่บุคลากรอื่นๆ โดยดูว่าติดขัดตรงไหน และขอให้พี่ๆ ช่วยกันแก้ปัญหาอุปสรรคให้กับน้องๆ ด้วย ส่วนในเรื่องของระบบตามที่ท่านรองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้ให้คำแนะนำ เราคงต้องไปพัฒนาระบบให้มีการตรวจสอบติดตามอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก อีกมาตรการหนึ่งตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะสร้างความเข้มแข็งของโรงพยาบาล คือ สถานพยาบาลในระดับปฐมภูมิ ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่จะช่วยลดความแออัดของคนไข้จากโรงพยาบาลได้ ทั้งนี้ สำนักการแพทย์จะทำอย่างเต็มที่ เรายินดีที่จะดูแลประชาชนให้มีคุณภาพ

ด้านหัวหน้าพยาบาล รพ.กลาง กล่าวว่า รูปแบบของการบริหารอัตรากำลังของฝ่ายการพยาบาลทั้ง 11 โรงพยาบาลมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน โดยปกติรูปแบบที่จัดจะไม่เกิน 16 ชั่วโมง ใน 1 เวร แต่ถ้าเกินขึ้นมา เราจะเกลี่ยอัตรากำลัง เช่น ดึงอัตรากำลังบางตึกที่เพียงพอมาช่วยในสถานการณ์ที่คับขัน ยืนยันว่าฝ่ายพยาบาลทราบกฎระเบียบเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ฝ่ายการพยาบาล 11 โรงพยาบาลได้รับคำสั่งจากผู้บริหารให้กลับไปทบทวนแก้ไขเรื่องดังกล่าว โดยเน้นแก้ปัญหาที่ระบบมากกว่าการหาตัวผู้ร้องเรียน

หัวหน้าพยาบาล รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง มีการดูแลกันทั้งในเรื่องการจัดเวรและความทุกข์สุขของพยาบาล รวมถึงมีการช่วยเหลือกันและกันระหว่างโรงพยาบาลด้วย ซึ่งเป็นการทำตามความสมัครใจ ไม่ได้มีการบังคับน้องๆ แต่อย่างใด

“ยืนยันว่าเรามีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยายามหาทางแก้ไข ทั้งในส่วนของอัตรากำลังของพยาบาลที่มีจำนวนน้อย โดยการจ้างพยาบาลห้วงเวลาเสริมและการเร่งบรรจุแต่งตั้ง รวมถึงการตรวจสอบจำนวนชั่วโมงการเข้าเวรให้เคร่งครัดขึ้น ขอให้มั่นใจว่ากรุงเทพมหานครจะทำให้ดีที่สุด เพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด” โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net