Skip to main content
sharethis

'รักชนก' ว่าที่ ส.ส. กทม.พรรคก้าวไกล ขอโทษ 'ชัชชาติ' ไม่ศึกษาให้ดีก่อน ปมแต่งชุดลูกเสือ-เนตรนารี หวังโรงเรียนในจังหวัดอื่นๆ จะพิจารณาเรื่องนี้เหมือน กทม. - ศธ. ย้ำไม่บังคับแต่งลูกเสือ-เนตรนารี-ยุวกาชาด ให้โรงเรียนดำเนินการอย่างยืดหยุ่น ลดภาระผู้ปกครอง ตั้งแต่ปี 2565

21 พ.ค. 2566 จากกรณีวานนี้ (20 พ.ค.) รักชนก ศรีนอก ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล กทม. เขต 28 ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ผอ.โรงเรียน 30 แห่ง วอนยกเว้นการแต่งชุดลูกเสือ-เนตรนารี เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง ต่อมาชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า เข้าใจว่า กทม.มีอยู่แล้ว จะมอบหมายให้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง เรื่องดังกล่าว กทม.พูดมานานแล้ว ส่วนตัวเนื้อหาประกาศ นายศานนท์ เป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อสักครู่ได้ไลน์คุยกันได้ความว่ามีประกาศไปแล้ว ขอขอบคุณท่าน ส.ส.ที่กรุณานึกถึงเรื่องนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (21 พ.ค.) รักชนก ได้โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊คระว่า

"ขอขอบคุณผู้ว่าชัชชาติมากๆ เลย ไอซ์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ ขอโทษที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อน ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตจะได้รับคำแนะนำและความร่วมมือจากผู้ว่าฯ รวมถึงองคาพยพกรุงเทพมหานคร ยินดีรับคำแนะนำและคำตำหนิติติงไปปรับแก้ไขทุกอย่างเลยค่ะ" 

"ปล.หวังใจว่าโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ จะพิจารณาเรื่องนี้เหมือนเช่นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร"

ศธ. ย้ำไม่บังคับแต่งลูกเสือ-เนตรนารี-ยุวกาชาด ให้โรงเรียนดำเนินการอย่างยืดหยุ่น ลดภาระผู้ปกครอง ตั้งแต่ปี 2565

ด้าน สำนักข่าวไทย รายงานว่าตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุถึงการแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือสั่งการไปสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศให้สื่อสารซักซ้อมความเข้าใจการแต่งเครื่องแบบลูกเสือ ยุวกาชาด โดยให้โรงเรียนดำเนินการอย่างยืดหยุ่น ไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครอง การเรียนวิชาวิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ที่มีเครื่องแบบ ไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบครบชุด แต่ขอให้มีสัญลักษณ์เฉพาะบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กได้เรียนวิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด เช่น มีผ้าผูกคอผืนเดียวได้ เพราะเป้าหมายสำคัญของการเรียนวิชานี้อยู่ที่กิจกรรม จิตอาสา การบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม การเสียสละ มากกว่าการให้ความสำคัญกับชุดยูนิฟอร์ม และขณะนี้สถานศึกษาหลายแห่งก็ได้ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอยู่แล้ว

ขณะนี้เปิดภาคเรียนใหม่ปีการศึกษา 2566 สถานศึกษาทุกแห่งได้รับเงินอุดหนุนรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันในอัตราใหม่ที่รัฐบาลได้ปรับเพิ่มขึ้นให้ ดังนั้นขอให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างคุ้มค่า โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน การจัดเมนูอาหารกลางวันให้เด็กได้รับอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามช่วงวัย ความปลอดภัยในสถานศึกษา การเฝ่าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญสิ่งใดที่ไม่จำเป็น และจะเป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครองขอให้สถานศึกษางด ยกเว้น และยืดหยุ่นให้มากที่สุด

ย้ำที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการมีการผ่อนคลายกฎ ระเบียบต่างๆ ให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการศึกษาได้อย่างคล่องตัว สอดรับกับบริบทของพื้นที่ที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน รวมถึงมีการปรับปรุงกฎ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวกับนักเรียน ให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ไม่บังคับ เช่น เรื่องทรงผมของนักเรียน มีการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 แล้วให้สถานศึกษาแต่ละแห่งกำหนดเป็นระเบียบ หรือ ข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง โดยการออกระเบียบ หรือข้อบังคับต่างๆ ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย หรือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือ ผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือ กลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนก่อนการประกาศใช้

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net