Skip to main content
sharethis

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง 3 จำเลยคดีฆ่า ‘พล.อ.ร่มเกล้า’ และผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อ 10 เม.ย.53 ทนายแจงโจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้อนกับคดีก่อการร้าย ประจักษ์พยานไม่น่าเชื่อถือให้การในชั้นศาลขัดกับชั้นตำรวจและขัดกับพยานอื่น 

ภาพทหารที่ถนนดินสอวันที่ 10เม.ย.2553 ก่อนเกิดเหตุระเบิด ภาพจาก ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53

21 ก.พ. 2566 ข่าวสดและเนชั่นทีวีรายงานตรงกันว่าวันนี้ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรมและเจ้าหน้าที่ทหาร หมายเลขดำ อ.857/2562 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 และนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สุขเสก หรือเสก พลตื้อ, พรกมล บัวฉัตรขาว หรือกนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ อดีตผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีประชาชน ช่องเอเชียอัพเดต และสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันเป็น จำเลยที่ 1-3

คดีนี้อัยการฟ้องพวกเขาตามฐานความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินผู้อื่น จนเป็นเหตุบุคคลถึงแก่ความตาย และร่วมกันสนับสนุนฆ่าและพยายามผู้อื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ หรือนำเข้าอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ , ร่วมกันใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดฯ

โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดของจำเลยทั้ง 3 สรุปว่า ระหว่างกลุ่ม นปช. ร่วมกันชุมนุม ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อขับไล่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ลาออก ในวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยที่ 1 และ 3 กับพวกร่วมกันมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ M 67 คนละ 3 ลูก ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน และจัดหาระเบิดให้ โดยพวกจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นด้วยการขว้างระเบิดสังหาร 2 ลูก ใส่เจ้าหน้าที่ทหารขณะปฏิบัติหน้าที่ บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ

จากเหตุดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 5 นายเสียชีวิต ประกอบด้วย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (หรือ เสธ.เปา) อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ , ส.ท.ภูริวัฒณ์ ประพันธ์ , ส.ท.อนุพงศ์ เมืองอำพัน , ส.อ.อนุพนธ์ หอมมาลี และพลทหารสิงหา อ่อนทรง (ยศ-ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) และยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ. , พ.อ.ธรรมนูญ วิถี , ส.อ.กษิดิษฐ์ บัวสุข (ยศ-ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) และมีนายทหารอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บสาหัส

ศาลยกฟ้อง 3 เสื้อแดงคดีปาระเบิดฆ่าร่มเกล้า 10 เมษาฯ เหตุประจักษ์พยานถูกจูงใจไม่น่าเชื่อถือ

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ด้วยเหตุคำเบิกความพยานโจทก์มีข้อพิรุธ ประจักษ์พยานโจทก์จึงไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ และศาลพิจารณาว่าการฟ้องในคดีนี้มีมูลเหตุเดียวกันกับคดีที่พวกเขาถูกฟ้องร่วมกับกลุ่มแกนนำ นปช.ข้อหาก่อการร้าย และเป็นการฟ้องเข้ามาในระหว่างที่คดีข้อหาก่อการร้ายยังพิจารณาอยู่ในศาลเดียวกันกับคดีนี้จึงถือเป็นการฟ้องซ้อนจึงต้องห้ามฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรค 2 ประกอบมาตรา 15

ภายหลังฟังคำพิพากษา วิญญัติ เปิดเผยว่าวันนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน โดยศาลเห็นว่าคดีนี้เป็นการฟ้องซ้อนกับคดีที่พวกเขาถูกกล่าวหาร่วมกับแกนนำ นปช.ข้อหาก่อการร้ายกับเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นซึ่งต้องห้ามฟ้องเป็นคดี

วิญญัติ กล่าวต่อว่า ยังมีประเด็นที่ฝ่ายโจทก์อุทธรณ์มาคือ จำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 เเละ3 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ คดีจึงมีข้อที่ศาลต้องพิจารณาก่อนว่าจำเลยที่ 1 เเละ3 ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของพยานที่อ้างว่ามีลูกระเบิดอยู่ในกระเป๋าและเห็นจำเลยที่ 1 เเละ3 หยิบสิ่งของออกจากกระเป๋าที่ข้างเต็นท์ ข้อนำสืบของพยานที่อ้างว่า เห็นจำเลย 1,3 หยิบสิ่งของออกจากกระเป๋าสะพายต่อมาทราบว่าเป็นลูกระเบิดเอ็ม 67 จึงเป็นข้อกล่าวอ้างในชั้นพิจารณาคดีโดยไม่ได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวน

วิญญัติระบุอีกว่า คำให้การ พยาน2ปากดังกล่าวกลับยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เเละ3 มีลูกระเบิดเอ็ม 67ติดตัวคนละ 3 ลูก โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยนำลูกระเบิดติดตัวมาจากที่ใด และศาลยังมองว่าพยานทราบได้อย่างไรว่า จำเลยมีลูกระเบิดเอ็ม 67 ติดตัวคนละ 3 ลูก ข้อนำสืบของพยานไม่สอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญ อีกทั้งพยานบางปากเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพื่อสนับสนุนพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์

ทนายความกล่าวถึงพยานที่ให้การว่า จำเลยที่ 3 เล่าให้ฟังว่าอยู่ในเหตุการณ์ขว้างระเบิดใส่ทหารเท่านั้น เเละยังมี พยานพบจำเลยที่ 1 ถือและใช้อาวุธเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่ทหาร เเละกระสุน มีทิศทางมาจากฝั่งผู้ชุมนุม พยานหันไปมองวัตถุดังกล่าวและมีการระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ด้านหน้าพยานล้มลง เเต่ก็มีพยานปากนายทหารให้การว่า เห็นวัตถุสีดำกลิ้งมาจากฝั่งผู้ชุมนุม วัตถุดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้น คำให้การชั้นสอบสวน จึงแตกต่างจากคำเบิกความของประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นจำเลยที่ 1 ขว้างระเบิดออกมาจากบ้าน

ในข้อสาระสำคัญ ย่อมทำให้พยานหลักฐานโจทก์มีข้อพิรุธน่าสงสัยอยู่ตามสมควร พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา จึงมีน้ำหนักไม่เพียงพอให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1,3 กระทำผิด เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจเป็นผู้สนับสนุน ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น ศาลจึงพิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น

เปิดคำพิพากษา 24 นปช. ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แต่ใช้สิทธิชุมนุมไล่รัฐบาล(ปี 53) ตาม รธน.

สุขเสกจำเลยที่ 1 และสุรชัย จำเลยที่ 3 เป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายร่วมกับแกนนำ นปช.มาตั้งแต่ปี 2553 และสุดท้ายศาลมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วเช่นกัน ซึ่งศาลเห้นว่าการชุมนุมครั้งนั้นเป็นการใช้สิทธิในการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกเป็นการใช้สิทธิที่ชอบธรรมไม่ถือเป็นการผิดกฎหมาย อีกทั้งชายชุดดำที่มีการใช้อาวุธยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ปรากฏตัวท่ามกลางคนหมู่มากจึงไม่น่าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะจับกุมดำเนินคดีไม่ได้ทันท่วงที

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับชายชุดดำ

นอกจากคดีนี้แล้ว อีกคดีที่มีจำเลย 5 ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ถนนคอกวัวในคืนเดียวกันนี้ ที่ผ่านมาศาลก็มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดในคดีนี้แล้วเช่นกัน เนื่องจากศาลเห็นว่าพยานฝ่ายโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นทหารที่อ้างว่าเป็นประจักษ์พยานเห็นจำเลยในที่เกิดเหตุได้เบิกความในศาลไว้ในอีกคดีหนึ่งไม่ตรงกันจึงเป็นเหตุให้ยกฟ้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net