Skip to main content
sharethis

โฆษกรัฐบาลเผยผลสำเร็จประชุมเอเปคป่าไม้ จะสร้างความยั่งยืนทางธรรมชาติ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม 'ก้าวไกล' ชี้ 8 ปี คือการพังทลายครั้งใหญ่ของสิ่งแวดล้อม ควรมีรัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยแท้จริงมาบริหารเท่านั้น ไม่ใช่ลูกครึ่งแต่งตั้งมาช่วยเลือกรัฐบาลอย่างทุกวันนี้

27 ส.ค. 2565 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลสนับสนุนแนวทาง BCG Model มาโดยตลอด โดยใช้เป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญบนเวทีการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 (The Fifth APEC Meeting of Ministers Responsible for Forestry: MMRF5) โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงผลภายหลังการประชุม MMRF5 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 23 – 25 ส.ค. 2565 ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ ว่า การประชุมฯ ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาความร่วมมือ 21 เขตเศรษฐกิจในด้านเทคนิค กระบวนการ และด้านการเงิน เพื่อยกระดับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษาพื้นที่ป่าไม้ในเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการนำเสนอหลัก BCG Model จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ สร้างมูลค่า และส่งเสริมรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืน ต่อต้านการค้าไม้ที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ สมาชิกเอเปคได้ร่วมกันเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ภายในภูมิภาคได้ถึง 174.38 ล้านไร่ หรือ 27.9 ล้านเฮกเตอร์ เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้สำเร็จ

“รัฐบาลมุ่งสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาด้านทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญดำเนินการมาโดยตลอด เพื่อรักษาผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและคนรุ่นหลัง โดยขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย รัฐบาลมุ่งหวังที่จะลดผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เพื่อส่งต่อโลกที่สวยงามกว่าเดิมใบนี้ให้แก่คนรุ่นต่อไปในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

'ก้าวไกล' ชี้ 8 ปี คือการพังทลายครั้งใหญ่ของสิ่งแวดล้อม

ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่านิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล กล่าวว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว แต่ต้องบอกว่า 8 ปีที่ผ่านมาได้ทิ้งมรดกความชั่วร้ายไว้มากมายซึ่งยังคงยากจะฟื้นได้ นอกจากจะมีรัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยแท้จริงมาบริหารเท่านั้น ไม่ใช่ลูกครึ่งแต่งตั้งมาช่วยเลือกรัฐบาลอย่างทุกวันนี้

สำหรับในด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งตนติดตามมาตลอด ต้องถือว่าเป็น 8 ปีแห่งความพังทลายเช่นกัน ในขณะที่ปัญหาโลกร้อนและความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นทุกที แต่รัฐบาลนี้กลับมีแต่การสร้างเศรษฐกิจสีเขียวแบบลวงหลอก ปากอ้างปกป้อง แต่แท้จริงทำลายและหาประโยชน์ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่าง EEC ที่มีแต่ขายฝัน กระจุกผลประโยชน์เพื่อนายทุนใหญ่และกองทัพเท่านั้น ส่วนพี่น้องประชาชนถูกไล่ที่ มีการเปลี่ยนสีผังเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์จากราคาที่พุ่งสูงในที่ดินพวกพ้อง ซ้ำยังจะมีโครงการถมทะเลมาบตาพุด 1000 ไร่ ที่ส่งผลกระทบกับวีถีชีวิตผู้คน แย่งชิงฐานทรัพยากรทางทะเล ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติมากมายมหาศาล โดยไม่มีการจัดสรรงบ เพื่อเยียวยาและชดเชยให้ประชาชน และดีไม่ดี หากแลกกับทรัพยากรที่ถูกทำลาย การฟื้นฟูกลับมาอาจยากและต้องเสียเงินในการดูแลผลกระทบมากกว่าเศษกำไรที่ตกลงมาเสียอีก

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายนโยบายที่ทำให้กลไกการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมอ่อนแอลงด้วย เช่น คำสั่ง คสช.4/2559 และ 9/2559 ที่ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายผังเมือง และการทำ EIA นำไปสู่การปล่อยผีโรงงานสร้างมลพิษ สะสมสารเคมีอันตรายใกล้ชุมชนได้ ดังที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้จนต้องมีการอพยพประชาชน รวมถึงการหาประโยชน์จากการสร้างโรงงานขยะจนทำให้ไทยกำลังกลายเป็นบ่อขยะโลก เป็นต้น

"ยังมีอีกหลายกรณีที่นโยบายของรัฐบาลนี้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่กลับปัดตกหรือดองเค็มกฎหมายที่มีประโยชน์ที่จะมาช่วยสร้างเครื่องมือและกลไกดูแลประชาชรให้เข้มแข็งขึ้น เช่น กฎหมาย PRTR ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล

"ผมเองได้เสนอ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เข้าไป ซึ่งสภาบรรจุในวาระการประชุมมานับปีแล้ว แต่ถึงวันนี้ก็ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาในสภาเสียที นี่จึงเป็นอีกปัญหาที่เกิดจากการมีอำนาจของรัฐบาลนี้"

นิติพล ทิ้งท้ายว่า 8 ปี จึงเป็นเวลาทีนานพอแล้วกับตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมกลุ่มนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลในเครือข่ายเดียวกันไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการผันน้ำยวม ที่จะส่งผลต่อป่าและพี่น้องชาติพันธุ์ หรือ พล อ.อนุพงษ์ ที่เป็นฆาตรกรชายฝั่ง ด้วยการผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนโครงสร้างแข็งบนชายหาดสวยงามหลายแห่งด้วยข้ออ้างที่บิดเบือนหลักวิชาการว่ามีการกัดเซาะชายฝั่ง ทั้งที่บางแห่งเป็นวงจรบางช่วฝเวลาของธรรมชาติเท่านั้น

"8 ปี มานี้ ความเข้มแข็งในทุกด้านของประเทศได้ถูกคนกลุ่มนี้ที่ทำตัวเหมือนปลวก คอยแทะทำลายอย่างตะกละตะกลามจนผุกร่อนไปมาก โครงสร้างที่เคยแข็งแรงจึงง่อนแง่นเต็มที มีแต่รังจอมปลวกที่ใหญ่ขึ้น ปลวกพวกนี้ หากไม่รีบกำจัดทำลายให้ถึงรากถึงโคนแล้วซ่อมโครงสร้างใหม่ เห็นทีบ้านหลังนี้คงจะพังครืนลงมาในสักวัน จึงถึงเวลาที่ควรจะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนได้แล้ว" นิติพล ระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net