Skip to main content
sharethis

เกือบสัปดาห์ กองทัพพม่ารบกับ KNU ขยายแนวไปพื้นที่ตรงข้าม บ้านหมื่นฤาชัย อ.พบพระฯ ด้านองค์กรชาวกะเหรี่ยง วิงวอนรัฐบาลไทย ไม่รีบส่งกลับผู้ภัย เหตุสถานการณ์ยังไม่สงบ ชาวบ้านกังวลทหารพม่าใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตี

ภาพเมื่อ 22 ธ.ค. 64 ชาวกะเหรี่ยงลี้ภัยในป่า หวั่นเกรงอันตรายจากปะทะระหว่างกองทัพพม่า-KNU (ภาพจาก Karen Human Rights Group-KHRG)
 

23 ธ.ค. 64 สำนักข่าวชายขอบ รายงานวานนี้ (22 ธ.ค.) กลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยง (Karen Human Rights Group-KHRG) โพสต์ภาพชาวกะเหรี่ยงที่หลบหนีการสู้รบอยู่ในป่า รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า และบางส่วนหนีข้ามอยู่ริมน้ำเมย จ.ตาก โดยเขียนข้อความระบุว่า ขณะนี้ KHRG ได้นำอาหารและความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้พลัดถิ่นภายในฝั่งกะเหรี่ยงจำนวน 4,000 ราย เนื่องจากกองทัพพม่าโจมตีอย่างต่อเนื่อง และมีความหวาดกลัวว่าจะส่งเครื่องบินมาโจมตีในพื้นที่ และมีการคาดการณ์ว่า ขณะนี้ประชาชนกว่า 10,000 คนในรัฐกะเหรี่ยงได้รับผลกระทบจากความไม่สงบที่เกิดขึ้น

“ประมาณ 9.00 น. วันนี้ (22 ธ.ค.) ทหารกองทัพพม่าได้ยิงปืน ค. ในพื้นที่ทีบาโบ ทำให้ประชาชนต้องหนีออกจากบ้านทันที โดยบางส่วนข้ามมาฝั่งไทย ขณะที่สถานการณ์ฝั่งกะเหรี่ยงอยู่ในสภาพวุ่นวายและโกลาหล เนื่องจากมีการยิงปืน ค. อย่างต่อเนื่องโดยทหารพม่า ทำให้ประชาชนต้องหนีออกจากบ้านเรือนทันทีโดยไม่มีอาหาร เสื้อกันหนาว หรือผ้าห่ม หรือวัสดุในการทำเพิงพักใดๆ และยังพบว่าเกิดความเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคท้องเสีย ซึ่งพบผู้ป่วยทั้งสองฟากของแม่น้ำเมย เนื่องจากผู้อพยพไม่มีห้องสุขา หรือสุขอนามัยใดๆ” KHRG ระบุ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยง ระบุต่อว่า อย่างไรก็ตาม องค์กรชุมชนกะเหรี่ยงพยายามจัดส่งความช่วยเหลือทันทีเท่าที่ทำได้ในสถานการณ์ที่เปราะบางนี้ ซึ่งพบว่าการให้ความช่วยเหลือต้องอาศัยองค์กรชุมชนเป็นสำคัญ ขอวิงวอนให้รัฐบาลไทยยังไม่ส่งกลับผู้หนีภัย เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังคงไม่ปลอดภัย และขออนุญาตให้มีการส่งความช่วยเหลือข้ามพรมแดนไปยังฝั่งพม่า สำหรับผู้ลี้ภัยในเขตอำเภอแม่สอดได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ 4 แห่ง รวม 3,614 คน

ขณะที่สำนักข่าว Karen Information Center หรือ KIC รายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 64 เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ชาวบ้านหลายพันคนได้อพยพหนีการสู้รบจากหมู่บ้านเทีบาโบ ทางใต้ของ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มายังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย โดยคนในพื้นที่ฝั่งไทยคนหนึ่ง กล่าวว่า "การยิงกันเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 8.05 น. จนถึง 8.35 น. ชาวบ้านทีบาโบ ข้ามมาถึงฝั่งเป็นจำนวนมาก พวกเขากำลังรออยู่ที่นั่น เพราะไม่ได้รับอนุญาต"

KIC ระบุว่า กองกำลังของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ได้ปิดล้อมกองทัพพม่าที่อยู่ในค่ายเตบอโบ จึงทำให้กองทัพพม่ายิงกระสุนตอบโต้ไปที่หมู่บ้านทีบาโบอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านกว่า 2,000 คน จากประมาณ 10 หมู่บ้านในพื้นที่อพยพมาที่ริมฝั่งแม่น้ำเมย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ ประชาชนเหล่านี้ต้องการอาหาร ยา และของใช้เด็ก อย่างเร่งด่วนเนื่องจากการสู้รบในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถอพยพออกมาจากในพื้นที่ได้ ผู้อพยพกลุ่มดังกล่าวจึงหลบภัยอยู่ในสวนยางพารา วัด และสวนที่อยู่ใกล้เคียง

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชายแดนบริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ได้มีผู้หนีภัยในหลายพื้นที่จากรัฐกะเหรี่ยงซึ่งได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและ KNU พยายามข้ามแม่น้ำเมย เพื่อขอเข้ามาหลบภัยในฝั่งไทย แต่ในหลายจุดได้รับการปฏิเสธจากทหารไทย เนื่องจากเห็นว่ายังอยู่ห่างไกลจากจุดปะทะ ทำให้ชาวบ้านต้องพากันไปหลบซ่อนในป่า ขณะนี้ชาวบ้านหลายพันคนที่หลบซ่อนอยู่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ที่สำคัญ คือขณะนี้อากาศมีความหนาวเย็นมาก ขณะที่ความช่วยเหลือต่างๆ ที่องค์กรภาคประชาสังคม หรือองค์ภาคประชาสังคม (NGO) พยายามที่จะลำเลียงไปให้ชาวบ้านที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ทางการไทยจัดไว้ให้ แต่ต้องหลบเลี่ยงจากทหารไทย ซึ่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและ NGO เข้าไปในพื้นที่ที่มีผู้อพยพหนีภัย

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้การต่อสู้ระหว่างทหารพม่าและKNU ได้ขยายวงกว้างออกไป จากเดิมแนวปะทะอยู่แค่ในเขตเมียวดีซึ่งเป็นเขตดูแลของ KNU กองพล 6 แต่ขณะนี้เริ่มมีการปะทะในเขตพื้นที่การดูแลของกองพล 7 ซึ่งอยู่เหนือเมืองเมียวดีขึ้นไปซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่าง KNU กองพล 5 ริมแม่น้ำสาละวิน ตรงข้ามกับ อ.แม่สะเรียงและ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กับทหารพม่าซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน ก็ยังน่าจับตามอง หลังจากที่ KNU กดดันให้ทหารพม่าที่ประจำการอยู่ทั้ง 8 ฐานถอนกำลังออกจากริมแม่น้ำสาละวิน โดยได้มีการตัดเส้นทางลำเลียง ทำให้ทหารพม่ากำลังขาดแคลนเสบียงอย่างหนัก

วันเดียวกัน ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย-เมียนมา จังหวัดตาก ได้รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 22 โดยระบุว่าห้วงเวลา 08.00-18.00 น. ไม่ปรากฏสถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง ทหารเมียนมา กับ กองกําลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด 

สําหรับในพื้นที่ตรงข้าม อ.พบพระ จังหวัดตาก เกิดการปะทะระหว่าง ทหารเมียนมา กับกองกําลังชาติพันธุ์เชื้อสายกะเหรี่ยง ลึกเข้าไปในชายแดนเมียนมา 1 กิโลเมตร บริเวณบ้านทีบาโบ จังหวัดเมียวดี ด้านตรงข้าม บ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระฯ และเมื่อเวลา 12.00 น. สถานการณ์การสู้รบ ได้ยุติลง

ศูนย์สังการฯ ได้รายงานต่อไปว่า ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฯ โรงเรียนชุมชนบ้านแม่ตาว กลางฯ ยอดเดิม 1,869 คน มีความประสงค์สมัครใจขอเดินทางกลับไปยังเมียนมาจํานวน 34 คน คงเหลือจํานวน 1,835 คน ส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฯ คอกวัวมหาวันเมยโค้ง บ้านแม่โกนเกน ต.หาวัน อ.แม่สอด ยอดเดิม 1,184 คน มีความประสงค์สมัครใจขอเดินทางกลับจํานวน 83 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฯ คอกวัวลุงปั๋น มีความประสงค์สมัครใจขอเดินทางกลับ 21 คน คงเหลือ จํานวน 508 คน นอกจากนี้ ยังพบผู้หนีภับ 268 คนเดินข้ามมายังฝั่งไทยจังนำไปที่วัดบ้านหมื่นฤาชัย 

"กองอํานวยการร่วมในการแก้ไขสถานการณ์ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมายังคงดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบการดําเนินการตามหลักมนุษยธรรม โดยไม่สนับสนุนให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมถึงการไม่สนับสนุนให้ใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นพื้นที่สนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและทุกภาคส่วนในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนที่จะนําไปเผยแพร่ให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้นจะสร้างความแตกตื่นและความหวาดกลัวให้กับประชาชน ในพื้นที่" ศูนย์สั่งการชายแดนระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net