Skip to main content
sharethis

ทนายสิทธิฯ ระบุ เป็นการรวมผู้ต้องหาจาก 2 คดี กระบวนการต่อไปรอดูอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ด้านผู้ต้องหายืนยันตนไม่ผิด  ยินดีทำตามกระบวนการ

6 ก.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ย.2564) เวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาคดีคาร์ม็อบยะลาทั้ง 10 ราย เดินทางมาพบพนักงานอัยการ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดยะลา พร้อมทนายความจากเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หลังจากถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด รวมกลุ่มกันเกิน 5 คน ส่งเสียงดังโดยไม่มีเหตุอันควร ขับรถและหยุดรถขีดขวางทางจราจร ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ

อธิวัฒน์ เส้งคุ่ย ทนายความจากเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า วันนี้เป็นวันที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลา มีคำสั่งเห็นควรที่จะฟ้องผู้ต้องหาในคดีคาร์ม็อบยะลา ทั้งของวันที่ 1 ส.ค.และ 7 ส.ค. พวกเขามาส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ให้กับพนักงานอัยการ จ.ยะลา

ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้พนักงานอัยการจะดูสำนวนคดี ดูพยานหลักฐานว่าในทางคดีจะมีความเห็นควรฟ้องหรือไม่ และวันนี้ผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ก็ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการด้วย โดยให้เหตุผลว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนั้น เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ และเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ได้มีการรับรองจากกฎกติการะหว่างประเทศ รวมทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย ดังนั้น การกิจกรรมที่ผ่านมาย่อมไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

หนึ่งใน 10 ผู้ต้องหาระบุว่า ตนรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบบข้าราชการ เพราะตนมาตามนัด แต่ต้องรอถึง 1 ชม.ถึงจะได้พบพนักงานอัยการ แต่ยืนยันไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตนเชื่อว่าสิ่งที่ทำไปมันไม่ผิด ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าผิดก็ตาม แต่ก็ยินดีทำตามกระบวนการต่อไป

กิจกรรมในคาร์ม็อบ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ร่วมกิจกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ถูกดำเนินคดีประกอบด้วย คาร์ม็อบยะลา มีผู้ถูกดำเนินคดี 12 ราย ส่วนที่นราธิวาส ถูกดำเนินคดี 4 ราย และถูกตั้งนั้นรวม 5 ข้อ ประกอบด้วย (1) ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมมากกว่า 5 คน (2) ร่วมกันชุมนุม หรือ การจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดในพื้นที่ที่มีประกาศ หรือ คำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (3) ส่งเสียง หรือ ทำให้เกิดเสียง หรือ กระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควร (4) ขับรถในลักษณะขีดขวางทางจราจร (5) หยุดรถในช่องทางเดินรถและในลักษณะกีดขวางทางจราจร  ขณะที่คาร์ม็อบปัตตานี ถูกดำเนินคดี 3 ราย ตั้ง 2 ข้อ (1) ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมมากกว่า 5 ฅน (2) ร่วมกันชุมนุม หรือ การจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดในพื้นที่ที่มีประกาศ หรือ คำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมกิจกรรมที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามถึงบ้านหลังร่วม 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net