Skip to main content
sharethis

ศาลยกฟ้อง 2 จำเลยคดียุยงปลุกปั่นและเป็นอั้งยี่สวมเสื้อดำ 'สหพันธรัฐไท' เหตุพยานไม่ได้นำหลักฐานที่หนักแน่นมาแสดงต่อศาล จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด

(เสื้อที่ถูกระบุว่ามีสัญลักษณ์สหพันธรัฐไท : ที่มา แฟ้มภาพ)

9 มี.ค.2563 ความคืบหน้าคดีสวมเสื้อดำ “สหพันธรัฐไท” วันนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลยกฟ้องในส่วนคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5) เป็นโจทก์ฟ้องนายเทอดศักดิ์ (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลยที่ 1 และนางประพันธ์ (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” และ “เป็นอั้งยี่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 209 โดยกล่าวหาว่า ทั้งสองสวมใส่เสื้อดำมีแถบธงขาวแดงติดที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายพร้อมข้อความ “Federation” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์การสหพันธรัฐไท ไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ในวันที่ 5 ธ.ค. 2561

ศูนย์ทนายความฯ รายงานว่า ศาลพิพากษายกฟ้องทั้งสองข้อหา ซึ่งมีข้อวินิจฉัยโดยสรุปใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย 1.) ศาลเห็นว่าแม้คดีนี้โจทก์จะบรรยายฟ้องคนละเวลา แต่เป็นเหตุการที่เกิดต่อเนื่องกัน ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.91/2563 การนำคดีอาญาในข้อหาอั้งยี่ ม.209 มาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 39 (4)

และ 2.) จากการให้การของพยาน พยานย่อมทราบว่าจำเลยมีแนวคิดอย่างไร พยานทั้งสองเป็นเจ้าพนักงาน ไม่มีเหตุให้ปรักปรำจำเลย แต่พยานซึ่งให้การว่าได้ถ่ายภาพและวิดิโอเอาไว้ ไม่ได้นำหลักฐานที่หนักแน่นมาแสดงต่อศาล จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดข้อหา ม. 116

สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่ 2 ของจำเลยทั้งสองคน โดยคดีในแรกที่ศาลตัดสินไปเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 63 ศาลพิพากษาลงโทษข้อหาอั้งยี่ คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา และยกฟ้องข้อหายุยงปลุกปั่น โดยคดีอยู่ในระหว่างอุธรณ์

ภาพรวมคดีสหพันธรัฐไท

ภาพรวมคดีกลุ่มนี้นั้น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้สรุปไว้ว่ากลุ่มคดีสหพันธรัฐไทมีการควบคุมตัวบุคคลซึ่งออกมาเคลื่อนไหวโดยการใส่เสื้อสีดำ ตั้งแต่กลางปี 2561  แต่ในช่วงเกิดเหตุวันที่ 5 ธ.ค.61 มีการควบคุมตัวบุคคลไปไว้ในค่ายทหารหลายพื้นที่ และยังมีการติดตามควบคุมตัวบุคคลซึ่งออกมาแสดงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่องล่าสุดเป็นการจับกุมตัวชูวิทย์(สงวนนามสกุล) ที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62 ที่ผ่านมาเป็นรายที่ 19

สำหรับองค์กรสหพันธรัฐไทนั้น มีความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2561 และมีบุคคลที่ถูกดำเนินคดีเพราะเกี่ยวพันกับกลุ่มนี้ 19 คน แบ่งเป็นหลายคดีต่างกรรมต่างวาระกัน แต่เหตุการณ์ที่ทำให้สาธารณชนได้รับทราบเรื่องราวของสหพันธรัฐไทกันอย่างกว้างขวางเป็นกรณีที่ทหารดำเนินการติดตามจับกุมบุคคลที่มีเสื้อยืดดำติดแถบสีขาวแดงอยู่ในครอบครองที่เบื้องต้นยังไม่มีใครรู้จักกันดีนักว่าแถบสีดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มสหพันธรัฐไท 

กระทั่งกลุ่มสหพันธรัฐไทกลับมาเป็นข่าวอีกครั้งจากการนัดรวมตัวกันใส่เสื้อดำเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2561 ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไปติดตามขัดขวาง รวมถึงควบคุมตัวบุคคลตามมาซึ่งเหตุการณ์คุมตัวบุคคลยาวต่อเนื่องอยู่เกือบสัปดาห์ แต่เท่าที่ศูนย์ทนายความฯ รับทราบก็เหมือนจะไม่ได้มีการดำเนินคดีกับบุคคลใดจนกระทั่งเข้าสู่ปี 2562 ที่มีการออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนั้นตามมา และมีการติตดามจับกุมตัวผู้ที่กำลังดำเนินการขอสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR กลับมาจากประเทศมาเลเซียอีกด้วย

แต่อีกเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกันและไม่กล่าวถึงไม่ได้คือกรณีการหายตัวไปของผู้ลี้ภัยการเมืองไทยจำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับสหพันธรัฐไท คือ ชูชีพ ชีวสุทธิ์ หรือลุงสนามหลวง ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในผู้ที่ติดตามการเมืองไทย, กฤษณะ ทัพไทย หรือ สหายยังบลัด และ สยาม ธีรวุฒิ หรือ สหายข้าวเหนียวมะม่วง แม้ว่าจะมีการอ้างกันว่าพวกเขาถูกจับกุมที่ประเทศเวียดนามและถูกส่งกลับไทยแล้วตั้งแต่ 8 พ.ค.2562 แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net