เหล่าผู้นำชนพื้นเมืองจากอเมซอนเรียกร้องนานาชาติสร้างข้อตกลงใหม่เพื่อคุ้มครอง ฟื้นฟูที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติทั่วโลก ให้ชนพื้นเมืองมีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ลดโลกร้อนได้ในราคาถูก เตรียมเสนอก่อนมีการกำหนดนโยบายความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นทางการในอีก 2 ปีข้างหน้า
ภาพป่าอเมซอนในประเทศบราซิล ถ่ายเมื่อปี 2554 (ที่มา:Flickr/Neil Palmer (CIAT))
เมื่อ 27 พ.ย. 2561 องค์กรผู้ประสานงานชนพื้นเมืองแห่งลุ่มน้ำอเมซอน (COICA) เตรียมนำเสนอข้อตกลงใหม่ในเรื่องการคุ้มครองและฟื้นฟูสถานที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติทั่วโลกเพื่อนำเสนอต่อเลขาธิการ หน่วยงานภาครัฐ และเอ็นจีโอ ในช่วงที่มีการประชุมด้านความหลากหลายทางชีวภาพของสหประชาชาติ (CBD) ที่อียิปต์
COICA เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2527 ในกรุงลิมา ประเทศเปรู เป็นการรวมกลุ่มกันขององค์กรชนพื้นเมืองชาวอเมซอนเก้าองค์กร มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนากลไกในการปกป้องคุ้มครองการตัดสินใจด้วยตัวเองของกลุ่มชนพื้นเมืองและเพื่อประสานงานปฏิบัติการของสมาชิกองค์กรในระดับนานาชาติ
ข้อเสนอของ COICA เชื้อชวนให้มีการให้ข้อมูลและการมีส่วนร่วมจากชุมชนชนพื้นเมืองมากขึ้นในเรื่องการพูดคุย หารือและกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ในขณะที่หลายกลุ่มกำลังตกลงกันเรื่องการกำหนดนิยามแนวทางเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกหลังปี 2563 ที่จะมีการลงนามในอีก 2 ปีข้างหน้าที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
การตั้งข้อเสนอนี้เป็นผลมาจากการประชุมใหญ่ของผู้นำชนพื้นเมืองของประเทศต่างๆ ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศโบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เฟรนช์เกียนา กายอานา เปรู ซูรินาม และเวเนซุเอลา
ฮวน คาร์ลอส จินชาจ ตัวแทนของ COICA กล่าวว่า "ความหลากหลายทางชีวภาพเกือบร้อยละ 80 มีการค้นพบที่ผืนดินของกลุ่มชนพื้นเมืองและสถานที่ส่วนใหญ่ที่จัดว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลกก็อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มชนพื้นเมืองเช่นกัน"
จินชาจกล่าวอีกว่ากลุ่มชนพื้นเมืองเป็นผู้มีส่วนในการสร้างทรัพยากรอย่างยั่งยืนไว้ในผืนดินของตัวเองมาเป็นเวลานานกว่าหลายพันปีแล้ว และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความหลากหลายโดยไม่คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว พวกเขาจึงระบุในคำประกาศให้มีการเชิญชวนนำความรู้จากบรรพบุรุษของพวกเขาไปใช้ในนโยบายการอนุรักษ์ด้วยในช่วงก่อนหน้าการสร้างข้อตกลงในปี 2563
COICA ระบุว่าพวกเขาต้องการทำงานร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ที่มีเป้าหมายแบบเดียวกันในการปกป้องและฟื้นฟูโลก พวกเขายังหลักดันให้เกิดการหารือกับรัฐบาลในแถบลุ่มน้ำอเมซอนให้นำวิสัยทัศน์ของสมาพันธ์ชนพื้นเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมในการคุ้มครองป่าดิบชื้นซึ่งถือเป็น "แนวเชื่อมต่อทางชีวภาพ (Biological Corridor)" ด้วยวิธีการปกป้องพื้นที่พร้อมทั้งวัฒนธรรมในพื้นที่เหล่านั้นด้วย
แนวเชื่อมต่อทางชีวภาพดังกล่าวเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในโลก โดยกินพื้นที่ 1.35 ล้าน ตร.กม. จากอเมซอนไปจนถึงแนวเทือกเขาแอนดีสและมหาสมุทรแอตแลนติกในเขตประเทศโคลอมเบีย เวเนซุเอลาและโบลิเวีย ซึ่งสามประเทศนี้ก็มีการส่งเสริมให้มีการปกปักษ์รักษาพื้นที่ดังกล่าว
ตุนเตียก คาตาน รองประธานของ COICA กล่าวว่าแผ่นดินในโลกนี้ร้อยละ 65 เป็นพื้นที่ของชนพื้นเมือง แต่มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย การการันตีให้สิทธิในการจัดการผืนดินแก่ชนพื้นเมืองเป็นวิธีการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในแบบที่ไม่แพงและได้ผล รวมถึงเป็นการเพิ่มพื้นที่ๆ เป็นธรรมชาติด้วย
ก่อนหน้านี้ในปี 2558 อดีตประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส เคยเชิญชวนบราซิลมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการหารือข้อตกลง "แนวเชื่อมต่อทางชีวภาพ" ที่ตั้งตามชื่อสถานที่สำคัญคือ อเมซอน-แอนดีส-แอตแลนติค (AAA) โดยที่ในตอนนั้นเป็นการหารือกับอดีตประธานาธิบดีบราซิล ดิลมา รุสเซฟฟ์
ชุมชนชนพื้นเมืองยังแสดงความกังวลอย่างมากต่อถ้อยแถลงเรื่องนโยบายสิ่งแวดล้อมของ จาอีร์ บอลโซนาโร ประธานาธิบดีคนใหม่ของบราซิล พวกเขาเกรงว่าจะเป็นการทำให้การคุ้มครองอเมซอนอ่อนแอลง ทำให้ชนพื้นเมืองและชุมชนคนอาศัยกับป่าถือครองพื้นที่ลดลง และกลายเป็นการเปิดให้บริษัทเกษตรกรรม เหมืองแร่ ตัดไม้ ก่อสร้าง เข้าไปครอบครองแทน
ออสการ์ โซเรีย นักรณรงค์อาวุโสจากเว็บไซต์ Avaaz เว็บไซต์การเคลื่อนไหวเพื่อให้ประชาชนมีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองกล่าวว่า มุมมองของบอลโซนาโรน่าเป็นห่วงแต่ก็จะต้องเผชิญกับการตอบโต้นโยบายดังกล่าวอยู่แล้วเพราะไม่เช่นนั้นบราซิลจะสูญเสียที่ยืนในฐานะผู้นำโลกด้านสิ่งแวดล้อม โซเรียย้ำเตือนอีกว่าบอลโซนาโรควรจะคำนึงถึงเรื่องที่บราซิลมีพันธกรณีในการให้สิทธิที่ดินต่อชนพื้นเมืองและชุมชนในท้องถิ่น รวมถึงเคารพในเรื่องการตกลงยินยอมร่วมกันในแบบที่แต่ละฝ่ายได้รับข้อมูลก่อนล่วงหน้า
แปลและเรียบเรียงจาก
Indigenous Leaders are Calling for New Global Agreement to Protect Amazon, Toward Freedom, Nov. 27, 2018
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)