Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

“หมาของผมเป็นเจ้าชาย” เผด็จการยืนประกาศจากโพเดียม

ฝูงชนที่ถูกเกณฑ์มายืนฟังมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บางคนในนั้นกลั้นใจถามว่า “ท่านหมายความว่ากระไรหรือครับ”

“ก็หมายความตามนี้แหละ คือไอ้กะปอม หมาของผมนั้นที่จริงมันเป็นเจ้าชาย แต่ถูกแม่มดสาปให้เป็นหมา” หน้าตาจริงจังของเผด็จการทำให้ฝูงชนรู้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือคำกล่าวเปรียบเปรยอะไรทั้งนั้น

“ท่านรู้ได้อย่างไรครับ” อีกบางคนในฝูงชนร้องถาม

“มันฉลาดผิดหมาธรรมดา เวลามันดื้อไม่ยอมกินอาหาร เมียผมตัดพ้อต่อว่ามันว่า อุตส่าห์สรรหาอาหารรสแปลกๆ ให้มันทุกมื้อ ทำอย่างนี้เสียน้ำใจจนเกลียดกะปอมแล้ว หลังจากนั้นสักครู่ มันก็เดินมุดจากที่ซ่อนใต้อ่างล้างชาม ออกมาก้มหน้าก้มตากินอาหารในชามของมัน”

สีหน้าของเผด็จการดูผ่อนคลายลงเมื่อได้พูดถึงไอ้กะปอม ทำให้คนในฝูงชนผ่อนคลายตามไปด้วย จึงมีคนกล้าแย้ง

“แต่ท่านครับ เท่าที่ผมเคยเห็นนะครับ หมาบางตัวก็ทำอย่างนี้ คือแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอาหารอื่นมาแทน และชามข้าวอาจถูกเก็บโดยมันไม่ได้กิน มันก็จะยอมกิ…”

“อ๋าย คุณไม่รู้อะไร” เผด็จการท้วงเสียงดังตั้งแต่เขายังพูดไม่จบ “ผมกับเมียเคยพยายามจับให้ได้ว่ามันเป็นเจ้าชาย เลยทำทีเป็นออกจากบ้านทั้งคู่ เอารถไปแอบจอดไว้ที่อื่น แล้วย่องกลับมาบ้านไม่ให้มันรู้ตัว เวลาเราไม่อยู่มันแปลงตัวกลับเป็นเจ้าชายทุกที…”

“แล้วยังไง แล้วยังไงครับ” ฝูงชนถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น (จริงหรือแสร้งก็ไม่รู้)

“มันจะยังไงได้อีกเล่า มันก็แปลงกลับเป็นหมาได้ก่อนที่เราจะพบมันเป็นเจ้าชายทุกที ถึงเราพยายามทดสอบอย่างนี้มาหลายหนแล้ว ก็ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขาสักที”

ดูเหมือนฝูงชนจะหน้าสลดลง แต่ใครคนหนึ่งลืมตัวถามขึ้นว่า “อ้าว แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่ามันเป็นเจ้าชาย”

“คุณคิดสิ คิด จานชามที่เรายังไม่ได้ล้างก็มีคนล้างทุกครั้งที่เราไม่อยู่ บ้านเรือนเหมือนมีคนเช็ดปัดกวาดให้ระหว่างที่เราออกจากบ้าน ใครทำ ใครทำ คิดสิ คิดสิ”

ผู้สื่อข่าวซึ่งหนังสือพิมพ์ของเขาพยายามประคองตัวให้รอดภายใต้เผด็จการ โดยไม่ต้องทรยศต่ออาชีวปฏิญาณของตนเอง ทะลุกลางปล้องขึ้นว่า “เรื่องนี้เขาเล่ากันมาแต่โบราณแล้วนะครับ ต่างกันเพียงเจ้าชายแฝงตัวอยู่ในหอยเท่านั้น”

“นั่นไง นั่นไง แสดงว่าเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเล่ากันมาแต่โบราณได้อย่างไร” เผด็จการเตือนสตินักข่าว แล้วเสริมว่า

“คุณคิดดูก็แล้วกัน ทุกครั้งที่มีฝรั่งเดินผ่านหน้าบ้าน ไอ้กะปอมจะเห่าอย่างเอาเป็นเอาตายทุกที แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวจีน มันกลับมองเฉยๆ แถมบางครั้งกระดิกหางให้ด้วย หากเป็นแค่หมา มันจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นฝรั่ง ใครเป็นจีน”

ทุกคนในฝูงชนมีสีหน้าสลดลง แต่สลดคนละอย่างกับที่เคยสลดครั้งที่แล้ว หลายคนเงียบงัน เร่งสมองให้คิดอย่างเคร่งเครียดว่า จะตั้งคำถามอย่างไรดี เพื่อให้เผด็จการพิสูจน์อย่างประจักษ์ว่าหมาของเขาเป็นเจ้าชายจริงหรือไม่ แล้วใครคนหนึ่งก็คิดออก

“ท่านครับ ท่านครับ ตอนที่เจ้าชายได้กลิ่นท่านกับคุณหญิงกำลังย่องกลับมาแอบดูเขานั้น มันต้องรีบแปลงร่างกลับเป็นหมาอย่างรวดเร็ว มันเคยทิ้งเครื่องทรงเจ้าชายเหลือไว้เป็นร่องรอยบ้างไหมครับ อย่างเช่นกางเกงและเสื้อที่มีลายดิ้นทองปักทั้งตัว เป็นต้น”

แม้ได้คิดให้คำถามฟังดูเนียนที่สุดแล้ว แต่จะเป็นเพราะน้ำเสียงที่ยังแฝงความขันไว้ หรือรอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าของคนจำนวนมากในฝูงชนก็ไม่ทราบได้ เผด็จการรู้ได้ทันทีว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา ซ้ำยังตั้งคำถามเชิงเยาะเย้ยเสียดสีเสียอีก

เผด็จการยืดตัวขึ้น แสดงหน้าเครียดด้วยความโกรธ

“ปั้ดโธ่ ผมจะมาหลอกคุณหาสวรรค์วิมานอะไร จะบ้าเหรอ” เขายืดแขนออกชี้นิ้วกราดใส่หน้าทุกคน “ใครบ้าง ใครในที่นี้ที่ไม่เชื่อว่าหมาของผมเป็นเจ้าชายบ้าง ยกมือขึ้น”

ไม่แต่เขาเท่านั้นที่ยกมือขึ้นชี้นิ้วใส่หน้าฝูงชน ทหารที่ตามมาอารักขา ตำรวจท้องที่ซึ่งขนมาแทบหมดโรงพักเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หรือแม้แต่ท่านผู้ว่าฯ และข้าราชการพลเรือนทั้งหมด ก็พากันยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังฝูงชนพร้อมกัน ด้วยใบหน้าที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าหมาเป็นเจ้าชายดีกว่าพวกเขาแต่ละคนกลายเป็นคนคุก

ทุกคนในฝูงชนก้มหน้าลงมองพื้น ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แขนขยับแม้แต่เพียงเล็กน้อย อย่าว่าแต่ขยับแขนเลย แม้แต่ถ้าหายใจแล้วจะถูกจับจ้อง เขาก็พร้อมจะไม่หายใจ

บรรยากาศในที่นั้นเงียบสนิท ไม่มีสรรพสำเนียงใดๆ ทั้งสิ้น และก็ไม่มีใครสักคนในที่นั้นคิดออกว่าควรมีเสียงอะไรถึงจะเข้ากับเหตุการณ์ที่ตึงเครียดขนาดนี้ได้ แต่แล้ว

“ป้าด” จะเป็นใครในฝูงชนหรือผู้ตามอารักขาจำนวนมากนอกเต็นท์ก็ไม่ทราบ ตดออกมาเสียงดังมาก เป็นเสียงที่ไม่เข้ากับเหตุการณ์ นอกตรรกะและความคาดหวังของทุกคน ไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย

เงียบกันไปไม่ถึงครึ่งอึดใจ ก็มีเสียงดังพรืดจากปากของใครคนหนึ่งที่กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวแล้ว ตามมาด้วยเสียงหัวเราะกึกก้องอย่างไม่ยั้งของเขา เท่านั้นแหละฝูงชนและผู้ติดตามทั้งหมดก็ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างอั้นไม่อยู่ ประชุมชนแห่งนั้นปั่นป่วนรวนเรด้วยเสียงและอาการหัวเราะอย่างไม่ต้องยั้งกันเลย

เสมียนจากศาลากลางยกมือขึ้นตบไหล่ผู้ว่าฯ พลางหัวเราะอย่างหยุดไม่ได้ ผู้ว่าฯ หันไปหาพร้อมกับหัวเราะกับเสมียนจนตัวโยก ทหารคนสนิทกับแม่ทัพภาคยกแขนพาดไหล่ของกันและกัน ส่งเสียงหัวเราะพร้อมร่างกายที่โงนเงนไปมาทั้งคู่อย่างเมามัน

ดูเหมือนโลกนี้ไม่มีแม่มด ถึงมีก็ไม่มีคำสาป ถึงมีคำสาปก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว เมื่อทุกคนหันกลับมาตดได้และหัวเราะกับตดได้เยี่ยงมนุษย์ที่เสรีและเท่าเทียม

เผด็จการเดินลงจากโพเดียมด้วยใบหน้าหงอยเหงา เขาคิดว่าสถานที่นี้ไม่เหมาะกับเขา แม้แต่พื้นที่หลังโพเดียมก็ไม่เหมาะกับเขา โดยไม่ส่งเสียงใดๆ เขาเดินโดยไม่ส่ายไปถึงรถยนต์ของเขาที่จอดรออยู่ บอกคนขับรถด้วยเสียงเรียบๆ ว่า

“กลับบ้าน”

แม้อยู่ระหว่างหลับสนิท หูของไอ้กะปอมก็ยังแว่วเสียงล้งเล้งของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะเดินผ่าน มันลุกขึ้นยืน รู้สึกงงๆ นิดหน่อย พอดีกับที่นักท่องเที่ยวเดินคุยกันเสียงดังผ่านมาถึงพอดี ไอ้กะปอมโก่งคอเห่าและขู่เสียงดัง พร้อมทั้งยืนสองขาตะกุยประตูมุ้งลวดเพื่อจะออกไปเห่าใกล้รั้วนอกบ้าน

นักท่องเที่ยวจีนคงล้งเล้งต่อไปจนกว่าจะถึงรถทัวร์ที่จอดรออยู่ข้างหน้า


ที่มา: www.matichonweekly.com/column/article_125803

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net