Skip to main content
sharethis
เจ้าหน้าที่อาจต้องขยายพื้นที่ค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ล่าสุดช่วงบ่ายของวันที่ 7 ก.ค. พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลแล้ว 17 ราย
 
 
7 ก.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่าขณะนี้ (เวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 7 ก.ค.) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2561 มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 41 คน และยังสูญหาย 15 คน ยืนยันปฏิบัติการในวันนี้จะยังไม่ยุติลง และจะพยายามหาผู้สูญหายให้ครบในวันนี้ (7 ก.ค.) และเจ้าหน้าที่อาจต้องขยายพื้นที่ค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้สูญหาย โดยจะเน้นที่ซากเรือฟีนิกซ์ไดวิ่งบริเวณห้องโถงและห้องเครื่อง นอกจากนี้ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต ยังระบุว่าพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลแล้ว 17 ราย ส่วนอุปสรรคสำคัญในการค้นหาคือความลึกถึง 40 เมตร
 
สธ.ตั้ง รพ.วชิระภูเก็ตเป็น One stop service เหตุเรือล่ม
 
ก่อนหน้านี้ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตำรวจ ทหาร เจ้าของบริษัทเรือ ว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาล (รพ.) วชิระภูเก็ต บูรณาการการทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม ภายใต้การสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัด  ขณะนี้อยู่ระหว่างการค้นหานักท่องเที่ยวที่สูญหาย
 
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานดูแลสำหรับผู้ประสบเหตุเรือล่มทั้งหมด อาทิ การติดตามผู้บาดเจ็บ ผู้สูญหาย การเยียวยาผู้ประสบภัย การประสานส่งกลับ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน จิตอาสา สมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน ช่วยเป็นล่าม รวมทั้งจัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ประกอบด้วย จิตแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาลจิตเวช ดูแลด้านสุขภาพจิตร่วมกับจิตอาสาและล่าม สำหรับญาติและผู้ร่วมทริปเดินทาง ระหว่างรอการค้นหาผู้ประสบภัยและรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต 
 
ส่วนผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาเหลือนอนพักรักษา 13 คนใน 2 โรงพยาบาล คือ รพ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 10 คน และรพ.วชิระภูเก็ต 3 คน ทุกคนอาการปลอดภัยอยู่ระหว่างฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ 
 
"รมว.สาธารณสุข มีความห่วงใยมอบให้ผมมาดูแล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งเราพร้อมจะสนับสนุนดูแลเต็มที่ในทุกเรื่องร่วมกับหน่วยงานอื่นๆทั้งตำรวจ ทหาร ท้องถิ่น เอกชน อาสาสมัคร และจิตอาสา" ปลัดสธ. กล่าว
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] [3]
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net