26 ม.ค. 2560 ที่ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดงานประกาศผลมอบรางวัล สื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2559 พร้อมปาฐกถาหัวข้อ “สื่อป้องสิทธิ” จาก วันเพ็ญ คุณนา หรือ น้องพลอย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาและนักข่าวพลเมืองผู้รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ของบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย และ สุรชา บุญเปี่ยม บรรณาธิการข่าวอาวุโส สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์
นักเรียน ม.ปลายเล่าปมลุกขึ้นมาทำข่าว-ถูกฟ้องหมิ่นฯ
วันเพ็ญ คุณนา กล่าวว่าการที่ตนได้ออกไปพูดนั้นถือว่าได้ทำหน้าที่สื่อสารเล่าเรื่องราวบ้านเกิด ให้สังคมภายนอกรู้ว่า บ้านนาหนองบง เกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านบ้าง ทั้งกรณีชาวบ้านไปขึ้นศาล ไปประชุมการขอต่ออายุป่าไม้ของบริษัทที่มีประเด็นตั้งคำถามต่อองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่ามีการละเมิดสิทธิชาวบ้านหรือไม่ เหล่านี้มีข้อเท็จจริงอะไรบ้างที่คนภายนอกยังไม่รู้ ถ้าไม่มีสื่อ ตอนนี้บ้านนาหนองบงคงไม่ได้รับการแก้ปัญหา ผลกระทบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือแม้กระทั่ง คืนวันที่ 15 พ.ค. 2557 ที่ตนถือว่าเป็นวันขนแร่เถื่อนแห่งชาติ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ชายชุดดำหลายร้อยคนเข้ามาทำร้ายร่างกายชาวบ้านมือเปล่าในตอนกลางคืน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเข้ามาสนใจ ทำให้คนในพื้นที่จำเหตุการณ์นี้จนวันตาย
“เพียงเพราะอยากเล่าเรื่องบ้านเกิดของตัวเองให้สังคม พื้นที่อื่นๆ ได้รับรู้ มันผิดขนาดนั้นเลยหรือ” วันเพ็ญ ตั้งคำถาม เนื่องจากตนเองถูก บริษัททำเหมืองแร่ ฟ้องหมิ่นประมาท
วันเพ็ญกล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนโดนบริษัทฟ้อง เพียงเพราะเด็กคนหนึ่งอยากเล่าเรื่องบ้านเกิดของตัวเอง ก็รู้สึกท้อ เสียใจมาก แต่เพราะกำลังใจจากพ่อๆ แม่ๆ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย และทุกคนทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ พร้องทั้งฝากกำลังใจถึง พิธีกรรายการนักข่าวพลเมืองที่ถูกฟ้องจากบริษัทเช่นเดียวกับตนด้วย
สำหรับ วันเพ็ญ เธอเป็นเยาวชนนักข่าวพลเมือง ของ ThaiPBS ซึ่งเป็นผู้ร่วมผลิตและนำเสนอข่าวพลเมืองตอนค่ายเยาวชนฮักบ้านเจ้าของ ได้ถูกบริษัททำเหมืองแร่เป็นโจทก์ฟ้องในคดีอาญาความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งต่อมาสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย มีหนังสือลงวันที่ 2 มิ.ย.2559 ถึง เยาวชนนักข่าวพลเมือง ระบุมีความเห็นไม่อนุญาตให้ผู้เสียหายฟ้องวันเพ็ญต่อศาลเยาวชนและครอบครัว
บ.ก.สปริงนิวส์ ชี้นักข่าวมักตกหลุมพรางตัวเอง เมื่อทำข่าวสิทธิฯ
สุรชา บุญเปี่ยม บรรณาธิการข่าวอาวุโสสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ กล่าวว่า สื่อคืนฐานันดรที่ 4 ทำหน้าที่แทนประชาชนในการนำเสนอข่าวสารออกไป การทำข่าวดีที่สุดอันดับแรกที่สื่อควรคำนึงคือ เรื่องจริง เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ในอดีตมีข่าวสิทธิมนุษยชนมากมายที่ปรากกฎในข่าวอาชญากรรม การเมือง ข่าวอื่นๆ แต่ความแปลกในปัจจุบันนักข่าวและผู้รับข่าวเองมักนึกถึงแต่ผู้ที่มีชื่อเสียงทางสังคม ข่าวจึงได้แค่ความคิดเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริง
สุรชา กล่าวต่อว่าข่าวสิทธิมนุษยชน เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งนักข่าวต้องปกป้องสิทธิเหล่านี้ เพราะการต่อสู้ของแหล่งข่าวผู้ด้อยโอกาสทางสังคมกับนายทุน ภาครัฐเป็นเรื่องยาก เรื่องบางอย่างนักข่าวมักตกหลุมพรางตัวเอง ทำให้ทำข่าวไม่เป็นกลาง ไม่เป็นธรรมกับแหล่งข่าว เช่นกรณีทำข่าวสืบสวนสอบสวนเมื่อเข้าตามสถานีตำรวจ ได้รับปัจจัย สินบน สนิทถึงขนาดเรียกตำรวจว่า "นาย" "ท่าน" ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับแหล่งข่าวมากเกินไป จากนักข่าวจึงไม่ต่างจากนักประชาสัมพันธ์ขององค์กรนั้นๆ
สุรชา ระบุด้วยว่า ทุกวันนี้นักข่าว บรรณาธิการ มีความกลัวต่อเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ไม่กล้านำเสนอ จนลืมวิชาชีพของตนหรือการทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะ อีกทั้งการละเมิดสิทธิผู้อื่นไม่ว่า เด็ก ผู้ต้องหา การใช้ภาพต่างๆ ที่สื่อมักทำละเมิดผู้อื่นโดยที่ตั้งใจหรือไม่ต้องใจก็ตาม
ปธ.แอมเนสตี้ ชี้สื่อเป็นเหมือนครูบ่มเพาะคนในสังคมตระหนักถึงสิทธิฯ
ผลรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน 59
นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพวาด การแสดงเชิงสัญลักษ์และมอบรางวัล “สื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน” ประจำปี 2559 จากการคัดสรรผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)