Skip to main content
sharethis
หลัง สธ. ตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เตรียมแก้ระเบียบกำหนดไม่ให้คณะกรรมการ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกรรมการบริหารแผน กรรมการประเมินผล มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เสนอขอรับทุน สสส. ภายใน 90 วัน หลังจากมีการแก้ระเบียบแล้วให้กรรมการพิจารณาเลือกอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น
 
มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพิจารณาการปรับปรุงหลักเกณฑ์การใช้เงินกองทุน สสส. เพื่อให้การบริหารจัดการมีความชัดเจนมากขึ้น 
 
ภายหลังการประชุม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุน สสส.เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองของ สสส. ที่มี นพ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน ได้พิจารณาและเสนอให้ปรับแก้ไขข้อบังคับ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ สสส.จำนวน 26 ฉบับ ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบให้ปรับปรุงข้อบังคับ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ ทั้ง 26 ฉบับ ตามที่ สธ.เสนอ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 และเพื่อให้การบริหารจัดการมีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ การกำหนดขอบเขตงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ปรับแก้หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินเพื่อการสนับสนุนโครงการและกิจกรรม เป็นต้น โดยเชื่อว่าการปรับแก้ระเบียบจะให้เวลาไม่นานเพื่อให้การลงนามปรับแก้ประกาศใช้ได้ทันที 
 
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า กรณีการมีส่วนได้ส่วนเสียของกรรมการ สสส.ให้ปรับแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกองทุนฯ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2553 และจรรยาบรรณคณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดไม่ให้คณะกรรมการ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกรรมการบริหารแผน กรรมการประเมินผล มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เสนอขอรับทุน อาทิ เป็นกรรมการ ผู้บริหารองค์กรที่รับทุนจาก สสส. ยกเว้นเป็นองค์กรภาครัฐ เช่น มีตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เป็นต้น โดยบอร์ดมีข้อสรุปว่าให้เวลาคณะกรรมการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบภายใน 90 วัน หลังจากมีการแก้ระเบียบแล้วเสร็จ คือให้กรรมการพิจารณาเลือกอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น
 
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวอีกว่า กรณีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ให้มีการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณนั้น จะมีการลงนามรายงานผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวให้ คตร.ได้รับทราบ เพื่อขอให้ยกเลิกการชะลอการใช้จ่ายงบของ สสส.โดยเร็วที่สุด เนื่องจากปัจจุบันมีภาคีได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดยพบว่าหลายโครงการที่เป็นองค์กรรับทุนจาก สสส. ซึ่งมีการทำสัญญาต่อเนื่อง มีภาคีและผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 4,600 คน เมื่อไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้กับบุคลากรในองค์กรผู้รับทุนได้ ซึ่งส่วนหนึ่งมีการสำรองจ่ายไปก่อน แต่หากยืดเวลาการเบิกจ่ายออกไปอีกจะทำให้เกิดความเดือดร้อนมากขึ้น และจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาผ่อนผันหรือหาแนวทางเยียวยาต่อไป
 
"สำหรับการอนุมัติโครงการในอนาคตนั้น ในการแก้ระเบียบที่จะมีการปรับแก้ ได้มีการระบุถึงการจำกัดลักษณะของโครงการเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นในเรื่องของคำว่าสุขภาพ เพื่อไม่ให้มีการครอบคลุมคำว่าสุขภาพอย่างไม่มีข้อจำกัดเหมือนที่ผ่านมา ส่วนโครงการที่ดำเนินการมาต่อเนื่องก็ยังต้องดำเนินการต่อไป" พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net