Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ตอนนี้สรยุทธกำลังประสบภาวะโดนเร่งงานด้านศีลธรรมจากกรณี ปปช.ชี้มูลความผิดกรณีค่าโฆษณาใน อสมท. แล้วมันยิ่งชวนคิดว่าสรยุทธกำลังนำเสนอภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ในเชิง “ทวงบุญคุณ” หรือเปล่า

เหตุการณ์น้ำท่วมปีที่แล้วยังตามหลอกหลอนคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประสบภัยไม่หายนะครับ เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันตั้งแต่เล่นสงกรานต์ว่าปีนี้เมืองไทยจะเผชิญกับภาวะน้ำท่วมใหญ่อีกหรือเปล่า ช่วงไหนพายุเข้า ชาวไทยเราก็ถึงกับตื่นตระหนกด้วยหวั่นเกรงว่าฉันจะต้องจมอยู่ในบึงบาดาลอีกแล้ว โดยเฉพาะคนกรุงที่ฝนตก น้ำท่วมเพราะระบายน้ำไม่ทัน ก็กลายเป็นประเด็นร้อนถึงกับต้องไปรื้อถุงทรายเอย ไปค้นหาอุโมงค์ยักษ์เอยว่าอยู่ที่ไหน แล้วทำงานอย่างไร ทำไมถึงปล่อยให้น้ำท่วมแบบนี้

ผ่านเดือนตุลาคมมาเกือบครึ่งเดือนแล้ววี่แววน้ำท่วมใหญ่แบบปีที่แล้วยังไม่มีให้เห็นเนื่องด้วยไม่มีน้ำเหนือไหลสมทบ จะมีบ้างก็เพียงบางชุมชนที่อยู่ในที่ลุ่มประสบภาวะน้ำท่วมทุกปีแล้ว ดังนั้นคนกรุงเทพฯ ก็หวั่นแต่เพียงน้ำท่วมเพราะฝนตกหนักเป็นพอ

หากให้ลองเอ่ยถึงรายการข่าวที่เกาะติดเรื่องน้ำท่วมและลงพื้นที่รายงานสภาพอย่างต่อเนื่องขึ้นมาสักหนึ่งรายการ เชื่อว่ารายการเล่าข่าวเช้านี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ต้องมาเป็นอันดับต้น ๆ เป็นแน่ ปีที่แล้วสรยุทธ์และทีมงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกาศข่าวสาวคู่กันที่ถูกเรียกติดปากว่า “น้องไบรท์” และนักแสดงตลกชื่อดัง โก๊ะตี๋ อารามบอย ไม่นับหลังฉากอีกมาก ได้ลงพื้นที่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างไล่มาถึงภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่น้ำไปทลายพรมแดนแบ่งเขตตำบล อำเภอ ไปเรียบร้อยแล้ว ผู้ชมได้เห็นภาพความลำบากของประชาชนที่น้ำมิดหลังคาบ้าน ต้องไปอาศัยวัดซึ่งมักเป็นที่ดอนประทังชีพ บางทีวัดเองก็มีสภาพไม่ต่างไปจากบ้านของฆราวาส ต่างร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน  และหลายครั้งสรยุทธ์ก็ได้เป็นกรรมการห้ามมวยระหว่างสองหมู่บ้าน เมื่อเกิดข้อพิพาททำนอง “น้ำท่วมไม่เท่ากัน” ไปจนถึงเรื่อง “แย่งถุงยังชีพ”
ต้องถือว่าการนำเสนอข่าวของสรยุทธช่วยในเรื่องจิตใจคนที่กำลังประสบภัยไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดพวกเขาย่อมคิดว่าปัญหาที่ตนได้เจอถูกบอกกล่าวเผยแพร่ไปยังประชาชนกลุ่มอื่นแล้ว พวกเขากำลังประสบปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ จะมีช่องทางไหนที่สื่อสารกับองค์กรภาครัฐได้เร็วไปกว่าสื่อมวลชน และอีกด้าน ไม่ต่างจากการฟังเรื่องรถติดใน จส.100 ที่ไม่ใช่เราเท่านั้นที่รถติด

กรณีนี้ก็เช่นกัน ไม่ได้มีแต่ชุมชนเราเท่านั้นที่น้ำท่วมหนัก!!!

ยังไม่ทันครบรอบหนึ่งปี รายการเล่าข่าวทั้งช่วงเช้าและช่วงเที่ยงเสาร์อาทิตย์ที่มีสรยุทธเป็นพิธีกรหลักก็เริ่มนำเอาภาพเหตุการณ์น้ำท่วมเก่า ๆ แบบรายวันมานำเสนอกันชนิด “วันนี้ของปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น”

บอกตามตรง ผมนึกไม่ออกว่าสรยุทธจะนำมาเสนอทำไม

ตามหลักการนำเสนอข่าวนั้น ภาพในอดีตที่เกิดขึ้นเรานำเสนอได้ คล้ายเป็นเครื่องเตือนใจให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้ แต่อย่างน้อยที่สุดควรต่อยอดเรื่องราวให้เห็นถึงบทเรียนและการสร้างองค์ความรู้เพื่อรับมือ อย่างกรณีน้ำท่วม นอกจากพาไปดูว่าปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น รายการก็ควรพาไปดู ณ เวลานี้ความเป็นอยู่ชาวบ้านเป็นอย่างไร ประสบปัญหาต่อเนื่องอะไรบ้าง ได้รับเงินชดเชยเยียวยาหรือยัง ไปจนถึงแผนในการรับมือน้ำท่วม หากเกิดอีกครั้ง เคยมีประสบการณ์และบทเรียนกันมาแล้ว จะเตรียมตัวรับมือภายในชุมชนอย่างไรกันก่อนดี อาจจะเลยไปถึงแผนระยะยาวที่ทาง อบต./ เทศบาลตำบลวางไว้

คนดูข่าวก็จะได้รู้ถึงการป้องกันและร่วมกันหาวิธีแก้ไขของชุมชนนั้น ๆ ซึ่งก็อาจจะสามารถต่อยอดนำไปใช้ในชุมชนตนได้

แต่ตอนนี้รายการคุณสรยุทธนำเสนอแต่ภาพในอดีตเสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็แค่ได้รับรู้ว่าชุมชนนี้เคยประสบอะไรมา ผมครุ่นคิดอยู่นานว่าตรงไหนคือประโยชน์ในการนำเสนอแบบนี้เป็นแน่

ยิ่งตอนนี้สรยุทธกำลังประสบภาวะโดนเร่งงานด้านศีลธรรมจากกรณี ปปช.ชี้มูลความผิดกรณีค่าโฆษณาใน อสมท. แล้วมันยิ่งชวนคิดว่าสรยุทธกำลังนำเสนอภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ในเชิง “ทวงบุญคุณ” หรือเปล่า

ตัวรายการเองก็มีแฟนคลับไม่น้อย แถมบทบาทต่อความคิดของผู้ชมก็ไม่ใช่เล่น ๆ หลายประเด็นที่ถูกจุดติดกลายเป็นประเด็นร้อนก็มาจากการปั่นกระแสของสรยุทธ (แม้บางเรื่องผมจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างเรื่องควายหาย เป็นต้น) และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลาย ๆ เรื่องคลี่คลายก็เพราะฝีมือของเขา

ตรรกะที่เราเจอกันได้บ่อยคือ คนที่ทำดีมาเยอะ ๆ เราก็พร้อมจะให้อภัยเขายามเขาทำผิดพลาดไป ไม่รู้เหมือนกันว่ากรณีการนำเสนอแบบนี้ สรยุทธกำลังกระตุ้นให้แฟนคลับที่คิดตีจาก รวมไปถึงคนที่กำลังโจมตีเขาให้หันกลับมองคุณงามความดีที่เขาเคยทำไว้ แล้วเพลา ๆ เล่นงานเขาบ้าง

ถ้าวันข้างหน้า หมดน้ำท่วมแล้วขุดข่าวเก่า ๆ มารายงานอีกนี่ทฤษฎีนี้คงยิ่งชัด ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปครับ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net