Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ข้อกล่าวหาที่ว่า “ทำเพื่อทักษิณคนเดียว” ไม่ว่าที่กล่าวหาต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านๆ มา กล่าวหาต่อข้อเสนอลบล้างผลพวงรัฐประหารของ “นิติราษฎร์” กล่าวหาต่อการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ กระทั่งการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อปูทางให้ “ทักษิณกลับบ้าน” ล้วนแต่เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มี “เหตุผลที่ชอบธรรม” ใดๆ รองรับทั้งสิ้น! การใช้ข้อกล่าวหา “ทำเพื่อคนคนเดียว” ว่าจะเป็นเงื่อนไขของความแตกแยกอีกรอบ โดยสาระจริงๆ แล้วมีความหมายเป็นเพียง “ข้ออ้าง” เพื่อการเคลื่อนไหวกดดันทางการเมืองให้เป็นไปตามเป้าหมายของฝ่ายตนเท่านั้น เหตุผลที่ชอบธรรมไม่มีเลย “เหตุผลที่ชอบธรรม” หมายถึง เหตุผลที่อ้างอิง “หลักการประชาธิปไตย” คือ หลักสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และเหตุผลที่อ้างอิง “ความยุติธรรม” บนพื้นฐานของการได้รับการปฏิบัติตามหลักการประชาธิปไตยนั้น เมื่อยึดเหตุผลที่ชอบธรรมดังกล่าวนี้ จะเห็นว่าคุณทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรมตั้งแต่แรก เนื่องจากเขาถูกกล่าวหาว่า คอร์รัปชัน วางแผนล้มล้างสถาบัน เป็นต้น แต่แทนที่เขาจะได้รับสิทธิในการพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรม ที่อยู่บนพื้นฐานของหลักนิติรัฐ นิติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนภายใต้ความเสมอภาคทางกฎหมาย ทว่าเขากลับถูกทำรัฐประหาร และมีการใช้ “วิธีพิเศษ” เอาผิดทางกฎหมายกับเขาโดยคณะบุคคลที่ฝ่ายรัฐประหารตั้งขึ้น ฉะนั้น กระบวนการดังกล่าวนี้ จึงไม่อาจอธิบายได้ว่า “เป็นกลาง” และ “เที่ยงธรรม” และที่สำคัญเป็นกระบวนการเอาผิดที่เกิดจากการล้มประชาธิปไตย ล้มนิติรัฐลงไปแล้ว เมื่อใช้หลักความยุติธรรมบนหลักการประชาธิปไตย คือหลักสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคที่ต้องปรับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมเป็น “เกณฑ์วัด” จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คุณทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรมตั้งแต่แรก นี่เป็นประเด็นสำคัญมาก ถึงเวลาต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อย่างนั้นสังคมนี้จะ “ติดหล่มทักษิณ” อยู่ตลอดไป คือจะเป็นสังคมที่ถูกอ้าง “ความชั่วร้าย” ของ “ปีศาจทักษิณ” มาสร้างความขัดแย้งแตกแยกไม่สิ้นสุด โดยไม่สนใจว่า “หลักการที่ถูกต้อง” คืออะไร พูดก็พูดเถอะบรรดานักวิชาการที่ “ซื่อสัตย์ต่อหลักการสากล” ของประชาธิปไตยที่ต้องปรับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับรัฐประหาร 19 กันยา และกระบวนการเอาผิดคุณทักษิณที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารว่ามี “ความชอบธรรม” ถ้ายอมรับว่ามีความชอบธรรม ก็หมายความว่า เขายอมรับได้ว่า “หลักการสากลต้องไม่ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม” เช่น ในกรณีคุณทักษิณ ก็ให้ละเว้นที่จะใช้หลักการสากลนี้ได้ คือให้ทำรัฐประหารได้ เอาผิดด้วยกระบวนการสืบเนื่องจากรัฐประหารได้ และในกรณีที่เป็นบวกแก่สถาบันกษัตริย์ก็ให้ละเว้นที่จะใช้หลักการสากลนี้ในการวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบได้ การยอมรับได้ว่า “หลักการสากลต้องไม่ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม” ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็นมากว่า 5 ปีนี้ มันก่อให้เกิด “อภิมหาสองมาตรฐาน” อย่างน่าตระหนก! กล่าวคือ ในกรณีการละเว้นไม่ใช้หลักการสากลกับคุณทักษิณ เป็นเรื่องของการ “ละเมิด” หลักการสากลเพื่อให้เกิด “ผลลบอย่างล้นเหลือ” แก่คนคนหนึ่ง ในขณะที่การไม่ปรับใช้หลักการสากลในการวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบกับสถาบันกษัตริย์ แล้วยังมีการอ้างอิงสถาบันกษัตริย์ทำรัฐประหาร และทำลายเกียรติภูมิทั้งหมดของคุณทักษิณ ย่อมเป็นการกระทำเพื่อปกป้อง “ผลบวกอย่างล้นพ้น” ในอีกด้านหนึ่ง นี่ไม่เรียกว่า “อภิมหาสองมาตรฐาน” ในการใช้หลักการสากลแล้วจะเรียกว่าอะไร! โดย “สามัญสำนึก” ของนักวิขาการ ถ้ามองเห็นว่า รัฐประหารไม่ชอบธรรม ก็ย่อมเห็นต่อไปว่า กระบวนการเอาผิดที่สืบเนื่องจากรัฐประหารก็ย่อมไม่ชอบธรรม เพราะมันเป็นการกระทำที่อยู่บนพื้นฐานของการปรับใช้หลักการสากลของประชาธิปไตยแบบ “อภิมหาสองมาตรฐาน” เมื่อเห็นความไม่ชอบธรรม เห็นอภิมหาสองมาตรฐานที่ปรากฏอยู่ตำตา ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่างๆ ที่ผ่านมาของคุณทักษิณ เกลียดคุณทักษิณขนาดไหน หรือแม้กระทั่งเชื่อว่า คุณทักษิณทำผิดจริงตามที่พันธมิตร ฝ่ายทำรัฐประหาร และประชาธิปัตย์กล่าวหา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยา และการเอาผิดคุณทักษิณโดยไม่มีหลักนิติรัฐ นิติธรรมตามหลักการประชาธิปไตยรองรับ ฉะนั้น ถ้ายืนยันหลักการสากลของประชาธิปไตยที่ต้องใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ก็ต้องยืนยันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า รัฐประหาร และการเอาผิดคุณทักษิณ “ไม่ชอบธรรม” จึงเท่ากับคุณทักษิณไม่ได้รับ “ความยุติธรรม” และสำหรับคนที่เคารพ “ความยุติธรรม” ตามหลักการประชาธิปไตย ต่อให้ใครก็ตามที่ไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเขาถูกละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคทางกฎหมาย ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่เราเกลียด หรือกระทั่งเป็นศัตรูของเรา เราก็ต้องปกป้องเขา เรียกร้องให้เขาได้รับสิทธิที่จะพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรมเหมือนบุคคลอื่นๆ แต่คำถามก็คือ เหตุใดกว่า 5 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีนักวิชาการกระแสหลักออกมา defend คุณทักษิณเลย แต่กลับ defend รัฐประหารทั้งโดยตรงและโดยอ้อม อย่างไม่ละอายแก่ใจว่าตนเองกำลังปกป้อง “การไม่ปรับใช้หลักการสากลกับทุกคนอย่างเท่าเทียม” ซึ่งเท่ากับเป็นการ “ทำลายหลักการประชาธิปไตย” โดยตรง หากนักวิชาการยังไม่ตื่น สื่อยังไม่ตื่น ยังไม่ตระหนักรู้ว่า หน้าที่ที่แท้จริงของตนเองคือหน้าที่ปกป้อง “หลักการที่ถูกต้อง” ได้แก่ปกป้องหลักการสากลที่ต้องปรับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ยังกลัวว่า ถ้าปกป้องหลักการที่ถูกต้องเช่นนี้แล้วจะเข้าทาง หรือเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ หรือจะไม่มีความปลอดภัยจากอำนาจมืด ก็แน่นอนว่า สังคมเราจะยัง “ติดหล่มทักษิณ” และก้าวไม่พ้น “หล่มสถาบัน” ซึ่งจะทำให้ต้องตกอยู่ในความขัดแย้งแตกแยกไปอีกนาน ถึงวันนี้ นักวิชาการและสื่อที่ซื่อสัตย์ต่อหลักการ เคารพความยุติธรรมบนหลักการสากลของประชาธิปไตยที่ต้องใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม กล้าหรือยังที่จะบอกว่า การคัดค้านไม่ให้คุณทักษิณกลับบ้าน หรือการคัดค้านการกระทำใดๆ ที่ถูกต้องตามหลักการ และส่งผลให้คุณทักษิณได้รับความยุติธรรม ด้วยข้ออ้างที่ว่า “ทำเพื่อคนคนเดียว” นั้น เป็นข้ออ้างที่ไร้ “เหตุผลที่ชอบธรรม” รองรับอย่างสิ้นเชิง มีแต่ฝ่ายสนับสนุนรัฐประหาร และระบบการปกครองที่ไม่ต้องใช้หลักการสากลของประชาธิปไตยกับทุกคนอย่างเท่าเทียมเท่านั้น ที่เห็นว่าข้ออ้าง “ทำเพื่อคนคนเดียว” มีเหตุผลที่ชอบธรรม!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net