Skip to main content
sharethis

ผู้บังคับการ ทพ.43 ปัดฐานบ้านน้ำดำถูกถล่ม 7 ครั้ง เผยเจ้าหน้าที่ชุดยิงมี 4 นาย ยันยิงชาวบ้าน 4 ศพไม่กระทบนโยบายเพิ่มทหารพราน พูโลประณามเหตุฆ่าประชาชนหนองจิก พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก เคยถูกคนร้ายยิงถล่มมาแล้วเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่ 7 ครั้ง ตามที่เป็นข่าว พ.อ.ศานติ เปิดเผยว่า สำหรับจุดตรวจบ้านน้ำดำ ที่ถูกคนร้ายยิงระเบิด M79 ถล่มเมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2555 เดิมเป็นจุดตรวจของอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.)อำเภอหนองจิก แต่ได้ถอนตัวออกไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 จึงเข้ามาประจำการแทน และช่วงอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอหนองจิกประจำการอยู่ เคยถูกคนร้ายยิงถล่มมาแล้วแต่ไม่ถึง 7 ครั้ง พ.อ.ศานติ เปิดเผยอีกว่า หลังจากคนร้ายยิงจุดตรวจบ้านน้ำดำ ตนได้สั่งการให้ลูกน้องเข้าไปประจุดต่างๆ ตามแผนเผชิญเหตุ 4 – 5 จุด รวมทั้งจุดเกิดเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ มีทหารพรานประจำจุดดังกล่าว 4 นาย พ.อ.ศานติ เปิดเผยว่า ลูกน้องตนรายงานว่า เห็นรถกระบะต้องสงสัยขับมาเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดแต่คนขับไม่ยอมหยุดกลับถอยหลังหลบหนี และคนขับรถก็ใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ แล้วกระโดดหลบหนีไป และมีคนกระโดดลงจากรถวิ่งหลบหนีไปอีก 2 – 3 คน ดังนั้นคนที่อยู่ในรถน่าจะมากกว่า 9 คน ส่วนคนขับรถรูปร่างใหญ่มาก ไม่ใช่รูปขนาดคนอ้างว่าเป็นคนขับรถ “เรื่องนี้ผมไม่อยากพูดอีกแล้ว รอให้ผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือพนักงานสอบสวนสรุปออกมาก่อน ส่วนกรมทหารพรานที่ 43 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทหารพรานทั้ง 4 นายแล้ว และได้สั่งพักงานไว้ก่อนรวมทั้งได้ถอนกำลังของฐานทหารพรานที่ 4302 ออกมาทั้งหมดแล้ว” พ.อ.ศานติ กล่าว พ.อ.ศานติ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ไม่กระทบกับนโยบายการเพิ่มกำลังทหารพรานแทนทหารหลักในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มาจากกองทัพภาคอื่น เนื่องจากกำลังทหารของกองทัพภาคที่ 4 มีไม่เพียงพอ จึงยังจำเป็นต้องใช้กำลังทหารพราน พูโลประณามทหารฆ่าประชาชน เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 ขบวนการปลดปล่อยปัตตานี หรือ พูโล ได้ออกแถลงการณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต ประณามการกระทำของทหารพรานไทยที่ใช้อาวุธเข่นฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ บ้านตันหยงบูโละห์ ตำบลปุโล๊ะปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ขณะเดินทางโดยรถยนต์กระบะ เพื่อเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 4 คน เมื่อ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์พาดหัวว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปฏิบัติการของทหารพรานไทยในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ที่เหี้ยมโหด ไม่มีมนุษยธรรม เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ขณะเดินทางไปละหมาดศพเพื่อนบ้านที่เสียชีวิต ทำให้มลายูปัตตานีเสียชีวิตไป 4 ศพ ซึ่งมีอายุระหว่าง 15-74 ปี แถลงการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ส่วนคนขับรถยนต์ปลอดภัย หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่ทหารไทยได้กล่าวหาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า เป็นกลุ่มขบวนการผู้ก่อความไม่สงบปัตตานี เหตุเกิดห่างจากที่ตั้งกองร้อยทหารพราน ที่ 4302 ประมาณ 2 กิโลเมตร ขบวนการพูโลขอประณามการกระทำในครั้งนี้ว่า เป็นการก่อเหตุที่โหดเหี้ยมต่อมลายูปัตตานี ซึ่งสอดคล้องกับที่ทางการไทยมีความรู้สึกเกลียดชังต่อคนมลายูปัตตานีเป็นร้อยๆ ปี ยิ่งนับวันยิ่งมากขึ้น และขัดขวางการเตรียมการนำปัตตานี เข้าสู่สภาเศรษฐกิจอาเซียน 2015 (KEA 2015) แถลงการณ์ ระบุอีกว่า รัฐบาลก่อเหตุและแก้ปัญหาเอง โดยมองชีวิตของมลายูปัตตานีเป็นการซื้อขายด้วยเงิน และอำนาจเด็ดขาด โดยมีความอิสระในการกระทำของรัฐบาลไทย ฆ่ามลายูแล้วจ่ายเงินชดเชยเพื่อยุติปัญหา ดังนั้นเลือดมลายูปัตตานี ซื้อขายด้วยเงินในราคาถูก และเหยียดหยามโดยกลอุบายได้หรือ สภาที่ปรึกษาฯศอ.บต.ตั้งทีมเกาะติดคดี4ศพ ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมศรียะลา อาคารศาลากลางจังหวัดยะลา มีการประชุมสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธาน ที่ประชุมได้หารือกรณีเหตุทหารพรานยิงประชาชนเสียชีวิต 4 ศพดังกล่าว หลังการประชุมนายอาซิส พร้อมด้วยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ในฐานะสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านสื่อมวลชน และนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ในฐานะสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชน อ่านออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาถึงเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยามวลชนและความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องเร่งคลี่คลายปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ก่อนปัญหาจะบานปลายจนแก้ไขยาก แถลงการณ์ดังกล่าว มีข้อเสนอ 5 ข้อ ได้แก่ 1.กองทัพต้องแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่กล่าวโทษผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ อีกทั้งไม่ควรด่วนสรุปก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง หากปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ ต้องมีการขอโทษอย่างเร่งด่วน และต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามประบวนการยุติธรรม 2.ต้องมีการเยียวยา ผู้ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน 3.ให้มีการเปลี่ยนทหารประจำการ มาแทนทหารพราน โดยนำทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ เข้าใจสถานการณ์ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ 4.เสริมบทบาทของพนักงานฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ อาสาสมัครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ โดยมีทหารเป็นผู้ให้การสนับสนุน 5.สภาที่ปรึกษาฯ มีหลักการเพื่อสนับสนุนประชาชน ในการเข้าถึงความจริงและความยุติธรรม เพื่อนำความสันติสุขกลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นสภาที่ปรึกษาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะมีการตั้งคณะทำงานติดตามตรวจสอบการทำคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งติดตามการทำงานของคณะกรรมการติดตามการสอบสวนที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีด้วย ถล่มทหารพรานปัตตานียิงอส.ยะลาดับ3 เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 เกิดเหตุนร้ายยิงอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) อาดือนันท์ ยาแต อายุ 33 ปี สังกัด ร้อย ทพ.4412 กรมทหารพรานที่ 44 บนถนนสายเจาะกือแย-สายบุรี หมู่ที่ 6 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีเสียชีวิตภายในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือแนวร่วมก่อความไม่สงบ เวลา 06.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 บนถนนสายแฟลตตำรวจ-บ้านเบอร์เส้ง หมู่ที่ 1 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เกิดเหตุคนร้ายใช้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา ดักยิงนายรณชิต พลายแก้ว อายุ 26 ปี และนายสุพัฒน์ อินทนก อายุ 30 ปี อาสาสมัครอำเภอเมืองยะลา ขณะขับรถจักรยานยนต์ออกจากฐานเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ วัดเวฬุวัน กระสุนถูกที่ศีรษะและลำตัวจนพรุน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากฐานจุดตรวจ อส.บ้านเบอร์เส้ง ประมาณ 100 เมตร และอยู่ห่างจากที่ตั้งจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประมาณ 700 เมตร หลังก่อเหตุคนร้ายยึดปืน AK 102 จำนวน 2 กระบอกและปืนพกสั้น .38 หนีไปพร้อมโปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทางเพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ ชาวมุสลิมทำบุญให้“มุคตาร์ กีละ” เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ร่วมอ่านอัลกุรอานและขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่ออุทิศผลบุญให้กับ นายมุคตาร์ กีละ อายุ 47 ปี หัวหน้าพรรคประชาธรรมและเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ส.ส.) นราธิวาส เขต 3 ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ที่หน้าบ้านเลขที่ 267 บ้านลูโบ๊ะกาเยาะ หมู่ที่ ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส นายมูฮำมัด หะยีแวฮามะ กรรมการบริหารพรรคประชาธรรม เปิดเผยว่า แม้นายมุคตาร์ เสียชีวิตไปพรรคก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยจะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายในเดือนมีนาคม 2555 เพื่อเป็นการสืบทอดอุดมการณ์ของพรรคต่อไป หมายเหตุ : เนื้อข่าวบางส่วนประมวลจากเว็บไซด์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net