Skip to main content
sharethis

 

"มาร์ค" รุดพบพันธมิตรฯ ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ยันไม่ได้คิดต่างกัน ท้าถ้าเอาแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ ก็ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีและไม่ควรอยู่แผ่นดินนี้ ลั่นจะใช้การทูต-การทหารจัดการทหาร-ประชาชนกัมพูชา ผู้ชุมนุมถามจะลุยเมื่อไหร่ มาร์คบอกพูดบนเวทีไม่ได้ เผยมีความอยากได้ "ปราสาทเขาพระวิหาร" ไม่ต่างจากผู้ชุมนุม เพื่อนบ้านในอนาคตก็ยังเป็นเพื่อนบ้านแต่ถ้าถึงเวลาก็ไม่ลังเล

"วีระ สมความคิด" มาหน้าทำเนียบ ลั่นไม่ได้มา "ชุมนุม" แต่มา "รวมตัว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค.  ได้มีกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ" นำโดยนายวีระ สมความคิด และนายไชยวัฒน์ สินธุวงศ์ แกนนำสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ประมาณ 350 คน ได้รวมตัวชุมนุมเพื่อทวงถามความคืบหน้า แนวทางการแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารและยกเลิกข้อตกลง “เอ็มโอยู2543” ต่อมา พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. ได้เข้าเจรจากับนายไชยวัฒน์ เพื่อชี้แจงให้ทราบว่า ไม่สามารถชุมนุมบริเวณนี้ได้ เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ และขอให้ย้ายไปชุมนุมยังบริเวณอื่น แต่ผู้ชุมนุมได้มีการนำรถติดเครื่องขยายเสียงมาจอด มีการปราศรัยสลับกับร้องเพลง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำกองกำลังปฏิบัติการจิตวิทยา และ ตชด. ประมาณ 2 กองร้อยมาตรึงกำลังรอบบริเวณ

นายวีระ กล่าวว่า การรวมตัวในครั้งนี้ ไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มแนวร่วมที่มีความคิดเห็นทางเดียวกัน โดยไม่มีแกนนำแต่อย่างไร ซึ่งวันนี้ที่เดินทางมาเพื่อต้องการเรียกร้องนายกฯ ให้คำตอบความคืบหน้าเรื่องเขาพระวิหาร และยกเลิกข้อตกลงเอ็มโอยู

ต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ในนาม "เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ" ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันบริเวณรอบแยกมิสกวันเพิ่มอีก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธที่จะให้ผ่านเข้าไป โดยมีนายวีระ สมความคิด แกนนำเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ย้ายไปชุมนุมหน้าทัพภาค 1 หลัง "พ.อ.อภิรัชต์" เจรจา
อย่างไรก็ตามผู้ชุมนุมบางส่วนได้ผ่านเข้าไปอยู่บริเวณหน้าสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้านข้างทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับได้มีการตั้งเวทีปราศรัยและจัดกิจกรรมปักหลักจับจองพื้นที่ ทั้งนี้ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อหามติในการเลือกสถานที่ชุมนุม ภายหลังประชุมหารือกับเครือข่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร

โดยเจ้าหน้าที่เสนอให้ผู้ชุมนุมย้ายไปชุมนุมที่หน้ากองทัพภาคที่ 1 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามม้านางเลิ้ง และสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ทั้งนี้ภายหลังจากที่นายไชยวัฒน์ และนายวีระ ได้เข้าหารือกับ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จากนั้นได้เคลื่อนไปรวมตัวกันบริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 เพื่อรอฟังคำตอบจากรัฐบาลในการแก้เอ็มโอยู หากไม่ได้รับคำตอบภายใน 7 วัน จะไปรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม

จำลองชวนให้มาชุมนุมสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดีกว่าทำเนียบ
ส่วนที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่าหลังจากที่ตัวแทนเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติได้หารือกับนายกฯเมื่อวานนี้ โดยนายกฯ ตอบรับที่จะทำตามข้อเสนอของทางเครือข่ายในการจัดให้มีการพูดคุยชี้ แจงถึงประเด็นกรณีเขาพระวิหารระหว่างทางภาครัฐและประชาชน ถ่ายทอดผ่านทางรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ในวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) ทั้งยังตอบรับที่จะมารับฟังข้อซักถามของประชาชนที่มาร่วมชุมนุมในวันนี้ใน ช่วงบ่ายของวันนี้ ทำให้เรายอมรับข้อเสนอที่ให้ทางเครือข่ายย้ายสถานที่ชุมนุม ซึ่งเราก็ยอมรับและเห็นด้วย เนื่องจากสนามกีฬาเวสน์สะดวกสบายกว่าการต้องไปนั่งอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตามอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่มีหัวใจรักชาติขอให้เดินทางมา ร่วมชุมนุมกันที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดีกว่าจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกิจกรรมในวันนี้ ว่า จะเรียกว่าการชุมนุมคงไม่ได้แล้วหลังจากที่เราได้พูดคุยกับทางฝ่ายรัฐ ซึ่งวันนี้กิจกรรมของเราจะเน้นในการให้ความรู้ เชิงการสัมมนา และเตรียมที่จะซักถามนายกฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ ทั้งนี้ คงยังไม่มีข้อสรุปหรือมติอะไร เพราะคงต้องให้ฝ่ายวิชาการของทางเครือข่ายได้ถกกับนายกฯในวันพรุ่งนี้ ถึงแนวทางทั้งหมดที่เราเรียกร้องต่อรัฐบาล ว่าสองฝ่ายเห็นตรงกันอย่างไร เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เห็น

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ยังชี้แจงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีผลประโยชน์เอื้อ ฝ่ายการเมือง ว่า ที่มีการกล่าวหาว่าเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติเคลื่อนไหวเพื่อช่วยหาเสียง ให้พรรคการเมืองใหม่ในการเลือกตั้งสก.สข. เราขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศ เป็นเรื่องของดินแดนไทย หากเราในฐานะคนไทยนิ่งเฉยและรัฐบาลก็นิ่งเฉยเราก็จะเสียดินแดนให้เขมร การเคลื่อนไหวไม่ได้เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯให้การสนับสนุน ซึ่งเราจะไม่ยอมให้พรรคการเมืองไหนใช้เวทีของทางเครือข่ายหาเสียงเพื่อผล ประโยชน์ของตัวเองแน่นอน

ผู้การวิชัยประเมินผู้ชุมนุม 2 พัน
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในเช้าวันนี้เบื้องต้น ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปราบจลาจลชาย จำนวน 3 กองร้อย และหญิงอีก 1 กองร้อย นอกจากนี้ ยังมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหนึ่ง คอยดูแลรักษาความปลอดภัย คาดว่าจะมีผู้มาชุมนุม ไม่เกิน 2 พันคน และจะสลายการชุมนุม ในเวลา 18.00 น.

เสกนเหิมจะเผากัมพูชา พร้อมขับไล่ขอทาน
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุม มีการปราศรัยสลับกับการร้องเพลง มีกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีปราศรัยว่าถูกโจมตีจากในอาจารย์มหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งหาว่าพวกตนคลั่งชาติ แต่ขอถามว่าถ้าไม่คลังชาติจะมีชาติหรือไม่ พร้อมไล่ให้อาจารย์ไปอ่านประวัติศาสตร์ ถ้าไม่มีคนคลั่งชาติ ก็คงไม่มีชาวบ้านบางระจัน

นายเสกน สุทธิวงศ์ได้ร้องเพลงผู้ชนะ แต่ได้แปลงเนื้อร้องท่อนหนึ่งเป็น "เจ็บใจคนรักโดยรักแก ข้าจะเผาเมืองขะแมร์ให้มันวอดวาย" และปราศรัยด้วยว่า "ไอ้เขมรมึงเอาขอทานออกไปหมื่นกว่าคน ออกไป เขมรที่เขาพระวิหารออกไป ออกไป"

"วิชัย" เคลียร์พื้นที่ให้นายกรัฐมนตรีมาพบ
เวลาประมาณ 13.40 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ ได้ขึ้นมาชี้แจงว่า นายอภิสิทธิ์จะมาเจรจาที่นี่ และจะมาตอบปัญหา 4 ข้อ ขอให้ผู้ชุมนุมให้เกียรติ เพราะเป็นตัวอย่างอันดีของนักการเมือง ผู้ที่รักชาติรักแผ่นดินได้มาพบกับปัญหา มารับทราบปัญหาจากประชาชน ถือว่าเป็นสายตรง สิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อเตรียมการเป็นหน้าที่ของฝ่ายรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาดู เขาจะมาดูแลตรงนี้ ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในอาการที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ต่อมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปราศรัยว่า เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่นายกรัฐมนตรีมาพบประชาชน จึงเชิญ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ มาพูดกับประชาชนว่าจะขอร้องให้ทำอะไรบ้าง โดย พล.ต.วิชัย กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนอัฒจรรย์ ให้พื้นที่ตรงนี้โล่ง เดี๋ยวนายกรัฐมนตรีจะมาพบที่นี่ ขอให้รีบด้วย นายกรัฐมนตรีจะได้มาตอบคำถามไวๆ

จากนั้นผู้ชุมนุมพันธมิตรได้ออกจากพื้นสนามกีฬา ไปนั่งบนอัฒจรรย์อย่างว่าง่ายโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที โดย พล.ต.จำลองกล่าวต่อจาก พล.ต.ต.วิชัย ว่านึกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอิริยาบถก็แล้วกัน ขึ้นไปจองข้างบนให้เต็มเลย ขอบคุณครับ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า มีวินัยสมกับที่พวกเราสันติ อหิงสา เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่โลกจะได้รับรู้รับทราบว่าเรามีแนวทางแก้ปัญหาประเทศอย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่การรู้รักสามัคคี แก้ไขปัญหาของชาติได้อย่างแท้จริง

โฆษกบนเวที แจ้งว่าขณะนี้กำลังประสานผู้ชุมนุมที่ทำเนียบซึ่งขยับไปอยู่กองทัพภาคที่ 1 แล้ว และยืนยันว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน น้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ยุทธวิธีเพื่อให้ได้สิทธิเหนือดินแดนประเทศไทย เราก็มียุทธศาสตร์ของเรา แต่ถ้าหน้ากองทัพภาคที่ 1 มีอะไรเกิดขึ้นจะไปช่วย ดังนั้นเราสัญญาร่วมกันมีอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ปลอดภัยจะไปช่วยกัน

มาร์ครุดเจรจา ลั่นถ้าเอาแผ่นดินไปแลกผลประโยน์ ก็ไม่ควรเป็นนายกฯ ไม่ควรอยู่บนแผ่นดินนี้
จากนั้นในเวลา 13.49 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาพบผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมได้ยืนขึ้นโห่ร้อง ส่วนนายอภิสิทธิ์ได้โบกมือทักทาย โดยตัวแทนผู้ชุมนุมได้ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่หวงแหนแผ่นดินของไทย ขอบคุณที่แสดงออกซึ่งการหวงแหนอธิปไตย และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการมาชุมนุมที่นี่ ขอบคุณ ร.ต.แซมดิน ที่ไปพบที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าเราไม่ได้คิดต่างกัน รัฐบาลไม่มีผลประโยชน์อื่นใดนอกจากผลประโยชน์ของชาติ และไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะเอาแผ่นดินไทยไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์อื่น ถ้าทำเช่นนั้นไม่ใช่แค่ว่าผมไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่ควรจะอยู่แผ่นดินนี้ด้วยซ้ำ

ลั่นเป็นฝ่ายค้านอภิปรายอย่างไร เป็นนายกรัฐมนตรีก็จุดยืนเดิม
ตัวแทนผู้ชุมนุมได้ตั้งคำถาม และนายอภิสิทธิ์ตอบคำถามว่า ในสมัยที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา อภิปรายไว้อย่างไร จุดยืนตอนเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิมทุกประการ เมื่อเป็นอย่างนี้ สิ่งที่ต้องขอร้องพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เราต้องมีความสมัครสมานสามัคคี มีเอกภาพ ในการเคลื่อนไหวตามเป้าหมายของเรา เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็มาสู่คำถาม

คำถามถามว่านายกฯ ชวน หลีกภัย หรือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ไปเซ็นเอ็นโอยู 43 เอาแผนที่ 1: 200,000 มากำหนดเขตแดนหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ เอ็มโอยู 43 เป็นหลักวิธีการจัดทำเขตแดน ไม่ผูกมัดประเทศไทยในการจัดทำหลักเขตแดน แต่มีหลักสำคัญว่าพื้นที่ปี 2543 เป็นอย่างไร อย่าให้มีการเปลี่ยนแปลง คืออย่าให้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้าไปรุกล้ำเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ แล้วจะมีคณะกรรมการมาทำหลักเขตแดน เอาสนธิสัญญามายึด คือ หลักสันปันน้ำ คือข้อหนึ่ง ข้อสองใช้ว่าบรรดาแผนที่ที่เป็นงานของคณะกรรมาธิการที่ทำหลักเขตแดนตามสัญญา ผมยืนยันมาตลอดว่า จุดยืนของไทยเหมือนเดิม ไทยไปต่อสู้ในศาลโลกว่าแผนที่กัมพูชาไปอ้างแนบท้ายคำฟ้องไม่ใช่ของคณะกรรมาธิการทำหลักเขตแดน ศาลโลกก็ยอมรับตรงนี้

แต่นับตั้งแต่ที่กัมพูชาจะนำแผนที่นี้ไปอ้างสิทธิ ปี 2551 ไปทำแถลงการณ์ร่วมโดยรัฐบาลสมัยนั้น พวกผมก็คัดค้าน ศาลก็บอกว่าแถลงการณ์ร่วมที่มีแผนที่แนบท้ายเป็นโมฆะ ก็ได้แจ้งรัฐบาลกัมพูชาแล้ว ถัดมาปลายปี 2551 มีการเอากรอบการเจรจา ในการจัดวางกำลังทหารเข้าสู่สภา มีการเอาแผนที่แนบท้ายไปด้วย ผมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่าเราจะไม่ยอมรับกรอบการเจรจา จนกว่าจะมีการเอาแผนที่ออกไป ในที่สุดกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลขณะนั้นยอมเอาแผนที่ออกไป กรอบการเจรจาปี 2551 จึงไม่มีแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอเข้าไป

ลั่นถ้าเลิกเอ็มโอยู 43 แล้วมีผลดีก็เลิก ถ้ามีประโยชน์ก็คงไว้
ล่าสุดกัมพูชาพยายามเอาแผนที่แนบท้ายเข้าไปในกรรมการมรดกโลก รัฐบาลก็เข้าไปคัดค้าน จนมติของกรรมการมรดกโลกให้ไปพิจารณาปีหน้า เรียนกับพี่น้อง ผมเคารพ หลายคนตีความเอ็มโอยูว่าไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่กัมพูชาเสนอในแผนจัดการมรดกโลกล่าสุดว่าเขายังไม่สามารถใช้แผนที่ 1: 200,000 ได้ เพราะกรรมการทำหลักเขตแดนตามเอ็มโอยู 43 ยังทำงานไม่เสร็จ หมายความว่าการมีเอ็มโอยูทำให้กัมพูชายังใช้แผนที่ไม่ได้ เพราะต้องจัดทำหลักเขตแดน เรื่องจึงค้างคาขณะนี้ ผมจึงเห็นว่าเราเห็นต่างกันเท่านั้นเอง ฝ่ายหนึ่งว่าเลิกเอ็มโอยู 43 ดี บางฝ่ายว่าถ้าเลิกเขาจะไปอ้างแผนที่ เพราะไม่มีสนธิสัญญาค้ำอยู่

เราเห็นต่างกัน กับเจตนาเราตรงกัน ก็มาคุยกัน ทางไหนดีกว่ากันผมยินดี ผมไม่มีปัญหา ถ้าเลิกแล้วดีกับประเทศไทยผมก็เลิก แต่ถ้าเราถกกันแล้ว ดูกันด้วยเหตุด้วยผลแล้วถ้ามีประโยชน์ก็คงไว้ ทั้งหมดคือผลประโยชน์ของประเทศไทยครับ รัฐบาลจะพิจารณาเอ็มโอยู 43 โดยยึดผลประโยชน์ประเทศ ไม่ยอมให้มีการใช้แผนที่ 1: 200,000 เพราะเรายึดสนธิสัญญาและสันปันน้ำ

มาร์คลั่นจะใช้ทั้งการทูตการทหารจัดการทหาร-ประชาชนกัมพูชา
ผู้ชุมนุมถามว่ามีทหารและประชาชนกัมพูชาเข้ามาสร้างหมู่บ้าน สร้างวัด ตัดถนน ในเขตไทย ซึ่งเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรและเมื่อไหร่ ซึ่งเรียกเสียงโห่ร้องยินดีจากผู้ชุมนุม

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นปัญหาที่เกิดมา 6-7 ปีแล้ว มีการละเมิดเอ็มโอยู 43 แน่นอน เพราะมีการเข้ามา ทีนี้สิ่งที่เราต้องทำต่อไป ผมอยากจะกราบเรียนพี่น้องด้วยความเคารพ เราต้องใช้มาตรการทั้ง 2 ด้าน ทั้งการทูตและการทหาร เหตุผลที่ต้องใช้การทูต เราเห็นอย่างชัดเจนว่าในเวทีระหว่างประเทศ มรดกโลกเป็นตัวอย่างว่ามีหลายประเทศไม่เข้าใจ

ดังนั้น เพื่อให้มีการเคารพข้อตกลงตามที่ว่า ขอเรียนครับว่าประเด็นลักษณะอย่างนี้คงไม่มีการประกาศว่าวันนี้จะทำอย่างนี้ พรุ่งนี้จะทำอย่างนั้น แต่จะปรึกษากับทุกหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการเรื่องนี้สอดคล้องกัน และไม่ยอมรับการกระทำที่ละเมิดดินแดน จะดำเนินการทั้งการทูต และการทหารต่อไป


ผู้ชุมนุมถามย้ำจะลุยเมื่อไหร่ มาร์คบอกพูดบนเวทีไม่ได้
ผู้ชุมนุมถามว่า รัฐบาล พอหรือยังในการใช้การทูต ถึงเวลาหรือยังที่จะใช้มาตรการรักษาศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และรักษาสิ่งที่เป็นของเรา นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าถามพี่น้องก็ได้คำตอบไปแล้ว ส่วนผมยืนยันว่าไม่มีการปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ จังหวะเวลาวิธีการต้องใช้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กับกองทัพ ผมประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ยืนยันว่ากองทัพให้ความร่วมมือ 100% และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศต่อไป ขอไม่ลงรายละเอียด

ผู้ชุมนุมถามว่า ก็ได้ยินมาว่ากองทัพบอกว่าพร้อมแล้ว เหลือรัฐบาลจะพร้อมไหม นายกรัฐมนตรีสามารถรับปากได้หรือไม่ ว่าจะใช้กระบวนการทางทหารรับมือกับสิ่งที่เขาลุกล้ำมา

นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็อยู่ตรงนี้ เมื่อถามว่าปกป้องอธิปไตยไหม รัฐบาลบอกว่า จะให้มาพูดกันบนเวทีคงไม่ใช่หรอกครับ

ปรามเพื่อนบ้านในอนาคตก็ยังเป็นเพื่อนบ้าน แต่ถ้าถึงเวลาก็ไม่ลังเล
ผู้ชุมนุมถามว่า อยากเห็นท่าทีนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ว่ารักษาน้ำใจเพื่อน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ผมก็ดีใจว่า คุณใช้คำว่าเพื่อน เราต้องรักษาสิทธิของเรา แต่อย่าลืมนะครับ เพื่อนบ้านของเรายังไงในอนาคตข้างหน้าก็เป็นเพื่อนบ้าน เราไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ เพราะฉะนั้นผมว่าเราทำงานด้วยความรับผิดชอบ เมื่อใดก็ตามผมไม่ทำหน้าที่ในการปกป้อง ผมก็ไม่สามารถตอบคำถามประชาชนอยู่แล้ว คนทำงานผู้ปฏิบัติกำลังดำเนินการตามแนวทาง ถ้าถึงเวลาผมไม่ลังเล ผมพูดได้เท่านี้ ไม่สามารถลงรายละเอียดได้

ผู้ชุมนุมถามว่า พวกเราแสดงท่าทีรักษาชาติ ท่านนายกฯ เข้าใจไหม นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ผมเข้าใจ และได้แสดงความขอบคุณทุกครั้ง แต่ไม่สบายใจว่ามีพี่น้องบางส่วนมากล่าวหาว่าผมไม่รักชาติ ขายชาติ ผมก็บอกว่า ยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์อื่น ผมก็รักชาติ และผมจะปกป้อง เราอาจจะเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง แต่เราอย่าตั้งคำถามเจตนาซึ่งกันและกัน ไม่กล่าวหาพี่น้อง ประชาชน ผมขอบคุณ ผมต้องตัดสินใจว่าการทำงานรักษาประโยชน์ประเทศชาติ ความหมายมีเท่านั้นเอง

มาร์คลั่นมีความอยากได้ปราสาทเขาพระวิหารไม่ต่างจากผู้ชุมนุม
ผู้ชุมนุมถามว่า พวกเราในขณะนี้ต้องการปราสาทพระวิหารคืน เราอยากเห็นท่าทีตั้งแต่รัฐบาลที่ 2505 สงวนสิทธิการทวงปราสาทไว้ แต่ตั้งแต่ 2505 ถึง 2553 ยังไม่เห็นรัฐบาลใช้สิทธิทวงปราสาทพระวิหารคืนเลย ดังนั้น เมื่อท่านนายกรัฐมนตรีมาถึงแล้ว ท่านเข้าใจไหมว่าเราอยากได้ปราสาทพระวิหารกลับคืนแผ่นดินแม่

นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าถามความอยาก อยากไม่ต่างกัน แต่ศาลโลกตัดสินเมื่อปี 2505 นายกรัฐมนตรีขณะนั้นคือ จอมพลสฤษฎิ์บอกว่าสงวนสิทธิในการทวงคืน ซึ่งต้องหาหลักฐานใหม่ ซึ่งผมไม่ได้นิ่งนอนใจ รัฐมนตรีกษิต ภิรมย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ให้ข้าราชการไปสืบค้นข้อมูลที่มีประโยชน์ในการทวงคืนตลอดเวลา แต่เราจำเป็นต้องได้ข้อมูลหลักฐานมาก่อน ซึ่งต้องทำงานต่อเนื่อง ถ้าไม่มีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็จะมีปัญหาในการต่อสู้ทวงคืน

เราจะใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ สมัยก่อนทำแผนที่ว่าเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาอยู่ตรงไหน เราสามารถบอกได้ว่าสันปันน้ำอยู่ตรงไหน ตรงนี้เราดำเนินการอยู่

อภิสิทธิ์ลั่นจะไม่ให้ประเทศที่สามแทรกแซง
ผู้ชุมนุมถามย้ำว่า ท่านนายกรัฐมนตรีก็มีความอยากทวงคืนเขาพระวิหารเหมือนคนไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ผมยินดีที่จะให้นักวิชาการทั้งหลายที่ต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จมาช่วยรัฐบาล ต้องช่วยกันถึงจะสำเร็จได้

ผู้ชุมนุมถามว่าไหนๆ มันมีปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องวิชาการที่ไม่ชัดเจน ประชาชนห่วงการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ที่จะมีการบริหารจัดการ รัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้เสียสิทธิคนไทย เวลานี้เพื่อนบ้านบุกรุกในชายแดนไทย ทั้งกองกำลัง ประชาชน และสัญลักษณ์ศาสนา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องมรดกโลกเราเอาจริงเอาจัง ผมและรัฐมนตรีกษิต และรัฐมนตรีสุวิทย์พยายามทัดทานการรุกคืบของกัมพูชา ต่างชาติอีกหลายชาติไม่เข้าใจเรา คณะรัฐมนตรีมีมติที่แรงมากว่า ถ้าไม่ฟังเรา เราพร้อมถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ทำให้เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนมติทั้งหมด เราก็ต้องทำความเข้าใจต่อเนื่อง กัมพูชาก็ต้องรอปีหน้า 1 ปี เราก็มีเวลาเตรียมตัว เมื่อใดก็ถามที่ทำแล้วมีผลต่ออธิปไตยไทย ไม่ใช่หน้าที่มรดกโลก ไม่ใช่หน้าที่ยูเนสโก ผมพูดกับเลขาธิการยูเอ็นเลยว่า ยูเนสโกมีหน้าที่ส่งเสริมสันติภาพ ก่อนผลักดันมรดกโลก พี่น้องสองฝั่งยังไปเที่ยวได้ ต่อไปมีการปะทะกัน แสดงว่ายูเนสโกเดินผิดทาง เรามีหน้าที่คัดค้านต่อไป

หลายท่านไม่เห็นด้วยผมเข้าใจ ผมเป็นนักประชาธิปไตยต้องเคารพความเห็นต่าง แต่ผมเพียงแต่ให้ข้อคิด วิธีการบรรลุเป้าหมายมีหลายวิธี เราเลือกใช้วิธีไหนเวลาใด ต้องเลือกดูสถานการณ์ความเหมาะสม ไม่ใช่ว่ามีวิธีเดียว หรือแก้ด้วยวิธีนี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ดีที่สุดทั้งสองประเทศเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนบ้านแล้ว พี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถอยู่และสงบสุขพร้อมกัน เราไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนอยู่ในภาวะต้องสู้รบกันไม่จบไม่สิ้น เราไม่ต้องการให้ประเทศที่สามหรือประเทศอื่นมาแทรกแซงบนแผ่นดินของเรา เห็นด้วยไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร มาทำงานร่วมกัน พรุ่งนี้จัดรายการโทรทัศน์ และต่อไปมาทำงานร่วมกัน นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้ชุมนุมลั่นนายกรับมนตรีตอบไม่ชัด ก่อนปราศรัยต่อ
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับ โดยผู้ชุมนุมได้มาหารือกัน โฆษกการชุมนุมถามว่านายกรัฐมนตรีตอบคำถามชัดหรือไม่ ผู้ชุมนุมตอบว่า นายกรัฐมนตรีตอบคำถามไม่ชัด จากนั้นโฆษกการชุมนุมได้เชิญชวนผู้ชุมนุมลงมาชุมนุมกันที่อัฒจรรย์ต่อ โดยนายเสกน สิทธิ์วงศ์ ได้นำคำกล่าวของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มากล่าว และว่าเขมรมาปล้นบ้านเมืองแล้ว

ล่าสุด เวลา 14.38 น. ชมรมรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีวิต จาก จ.กาญจนบุรี ได้ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ "สู้ไม่ถอย" สำหรับสถานการณ์ชุมนุม ประชาไทจะรายงานมาเป็นระยะ

 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net