Skip to main content
sharethis

ประชาชนจาก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษให้กำลังใจทูตประจำกรุงเฮก หลังต่อสู้คดีที่ศาลโลก โดยทูตย้ำว่าจะยึดหลักสันติวิธีและเจรจากรณีพื้นที่พิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาที่อยู่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 

ประชาชนจากบ้านภูมิซรอล มอบดอกไม้ให้กำลังใจวีรชัย พลาศรัย เมื่อ 21 พ.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ (ที่มาของภาพ: ทวิตเตอร์ของกระทรวงการต่างประเทศ)

 

 

 

 

 

 

(ที่มาของภาพ: ทวิตเตอร์ของกระทรวงการต่างประเทศ)

 

21 พ.ย. 2556 - สำนักข่าวไทย รายงานวันนี้ (21 พ.ย.) ว่า ประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นำชาวบ้านจากหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 100 คน เข้าขอบคุณณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประเทศไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการดำเนินการทางกฎหมาย คดีพระปราสาทพระวิหาร ที่ได้ต่อสู้คดีอย่างสุดกำลังความสามารถ

ด้านวีรชัย พลาศรัย  กล่าวว่า วันนี้รู้สึกตื่นเต้นกว่าอยู่ในศาลโลก และรู้สึกเป็นเกียรติที่ชาวบ้านมาให้กำลังใจถึงกระทรวง ดีใจที่คนในพื้นที่รับฟังคำตัดสินของศาลโลกอย่างเข้าใจ และว่า “เพราะสิ่งที่ผมแถลง ก็เพื่อให้ประชาชนเข้าใจกับความเป็นจริง ไม่มีทางที่ผมจะนำความเท็จมาบอก ขอให้วางใจได้”

วีระยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย ได้ถามวีระชัยว่า สิ่งเล็กๆ ที่อาจต้องเสียไป คืออะไร บริเวณไหน ต้องการให้ชี้ชัด เพราะเมื่อมีความชัดเจน ก็จะได้ทวงถามอีก ขณะเดียวกัน ก็จะได้ช่วยกันปกป้องในดินแดนที่เป็นของไทย ทำให้วีรชัยตอบว่า สิ่งที่เราได้ ขอพูดซ้ำอีกครั้งว่า เขาไม่สามารถอ้างภูมะเขือ จากคำตัดสินในปี 2505 ได้อีก เขาจะอ้างพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร จากคำตัดสินปี 2505 ไม่ได้เช่นกัน และก็ไม่สามารถอ้างแผนที่ 1: 200,000 ยกเว้นพื้นที่ยอดเขาพระวิหาร ที่จะต้องเจรจากันต่อไป

“ส่วนสิ่งที่เราเสีย คือเส้นมติตาม ครม.ปี 2505 แต่ศาลโลกบอกให้ทั้ง 2 ประเทศไปทำร่วมกัน เจรจาด้วยกัน ดังนั้น จึงไม่สามารถตอบคำถามกำนัน ต.เสาธงชัยได้ว่า คืออะไร แต่จะบอกให้ประชาชนทราบอย่างแน่นอน” วีรชัย กล่าว

กำนันวีระยุทธ ถามอีกว่า ประเทศไทยจะทำอย่างไรต่อไป กรณีกัมพูชามีการตั้งหมู่บ้านในพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งศาลโลกได้ชี้ว่า ไม่ใช่พื้นที่ของกัมพูชา นายวีรชัย กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ แต่กัมพูชาจะอ้างคำตัดสิน ปี 2505 มาครอบครองภูมะเขือไม่ได้ ซึ่งไทยจะใช้วิธีการเจรจาและยึดหลักสันติวิธี

“ไม่มีใครต้องการใช้กำลังอย่างแน่นอน ขอให้ใจเย็นและอดกลั้น ไทยต้องทำอะไรแน่นอน ผมจะลงพื้นที่ไปดูด้วยตาตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะต้องใช้วิธีละมุนละม่อม คำนึงถึงความเป็นเพื่อนบ้าน และเพื่อนในอาเซียน” วีรชัย กล่าว

ทูตวีรชัย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้คณะทีมงานฝ่ายกฎหมายได้ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ในประเด็นที่ศาลโลกบอกให้ไทยและกัมพูชาไปเจรจากัน  ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก และวันที่ 1 ธ.ค.นี้ จะเดินทางไปหารือกับคณะที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างชาติต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net