3 เม.ย. 53 - กลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธีออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงทบทวนแนวทางการเคลื่อนไหวของตนเอง และขอให้ทุกฝ่ายมุ่งเน้นการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ระบุการสาดเลือดเข้าข่ายการละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้
แถลงการณ์กลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธี ฉบับที่ 2
เรื่อง ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงทบทวนแนวทางการเคลื่อนไหวของตนเอง
และขอให้ทุกฝ่ายมุ่งเน้นการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองก่อให้เกิดความไม่สงบในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงมีจุดยืนอย่างหนักแน่นที่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา ในขณะเดียวกันได้มีกลุ่มประชาชนประกาศนัดรวมตัวใส่เสื้อสีชมพูที่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันที่ 2 เมษายน 2553 เพื่อแสดงเจตจำนงไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ทางกลุ่ม นปช. จึงประกาศนัดเคลื่อนขบวนไปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันเวลาดังกล่าว จนเป็นเหตุให้การนัดชุมนุมของกลุ่มประชาชนที่คัดค้านการยุบสภาต้องย้ายสถานที่จัดการชุมนุมไปยังสวนลุมพินีเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าอันอาจจะนำมาสู่เหตุการณ์รุนแรง และทำให้อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องประกาศปิดมหาวิทยาลัยจนถึงวันที่ 4 เมษายน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธี ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา มีความคิดเห็นต่อสถานการณ์ดังนี้
1. พวกเราเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทั้งนี้กลุ่มนปช.ควรตระหนักว่าประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ได้ ทั้งนี้การประกาศของกลุ่มนปช. นอกจากจะนำไปสู่แนวโน้มการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองอันอาจนำไปสู่ความรุนแรงแล้ว ยังอาจเข้าข่ายการละเมิดเสรีภาพทางวิชาการอีกด้วย
ทั้งนี้สิทธิเสรีภาพทางวิชาการเป็นสิทธิของการมีส่วนร่วมของส่วนรวมซึ่งเป็นเสรีภาพสำคัญแห่งการปรับเปลี่ยนสร้างสรรค์สังคม ประเทศ และโลก เป็นทั้งวิธีการและเป้าหมายที่ส่งเสริมการคิดเป็น-ทำเป็น รวมถึงผดุงไว้ซึ่งสารัตถะแท้จริงของความเป็นประชาธิปไตยที่ต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรมาหักล้าง หรือคุกคามให้สูญเสียความเป็นอิสระทางความคิดเห็น ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือเป็นสถาบันการศึกษาและการวิจัยค้นคว้าทางวิชาการที่พึงได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพดังกล่าว
2. เราขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงทบทวนแนวทางการชุมนุมในหลายๆครั้งที่ผ่านมา ทั้งกรณีการประกาศบุกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงในกรณีที่ผ่านมา เช่น การบุกไปสาดเลือดหน้าบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีการสาดเลือดใส่ทหารที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคล อันเข้าข่ายการละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งจะกระเทือนต่อความน่าเชื่อถือของขบวนการที่ประกาศตนว่าต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ
และจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ทั้งสองครั้งที่ผ่านมาพบว่าไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากทั้ง2ฝ่าย ต่างก็มีจุดยืนเป็นของตนเอง โดยแต่ละฝ่ายอ้างเหตุผลของตนเองขึ้นมาถกเถียงกัน ทำให้ปัญหายังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะทำให้เกิดภาพลักษณ์ “วิกฤติการณ์ทางการเมือง” ซึ่งพวกเรากลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธี มีความคิดเห็นต่อการเจรจาดังนี้
1. ทั้งรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดง ควรจัดการเจรจาครั้งที่ 3 โดยทั้งสองฝ่ายต่างเปิดช่องในการเจรจา ให้สามารถหาจุดยืนร่วมกันโดยเน้นผลประโยชน์และความสงบสุขของประเทศชาติเป็นหลักได้
2. ในการเจรจาครั้งที่ 3 รัฐบาล และ กลุ่มคนเสื้อแดง ควรรับฟังซึ่งกันและกันอย่างประนีประนอม มีหลักการ และมีเหตุผลมีผล ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันได้มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงจะสามารถหาข้อสรุปที่จะเป็นทางออกของประเทศในปัจจุบันได้
3. เราขอเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยโดยมีตัวแทนจากประชาชนทุกภาคส่วน ขึ้นมาทำหน้าที่ในการจัดเวทีประชาคมตั้งแต่ระดับตำบลขึ้นมาจนถึงระดับประเทศ เพื่อให้เกิดเป็นข้อเสนอในการปฏิรูปโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อมอย่างเป็นธรรม เป็นแนวทางสู่การปฏิรูปนโยบายและกฎหมายของประเทศทั้งหมดอย่างเป็นธรรม ก้าวพ้นประเด็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล หรือชัยชนะของกลุ่ม ขบวนการสู่ความยั่งยืนของสังคมไทย ทั้งนี้นี่คือแนวทางระยะยาวที่จำเป็นต้องเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด
“สันติวิธี นำพาชีวี มีแต่สุข”
3 เมษายน 2553
กลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธี
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)