(Irrawaddy 10 มีนาคม 2553) ทางการไทยเริ่มกวาดล้างแรงงานข้ามชาติ  ที่ไม่เข้าร่วมกระบวนการพิสูจน์สัญชาติที่หมดเขตไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่กฎหมายระบุ แรงงานข้ามชาติจะต้องได้รับการยืนยันว่าเป็นพลเมืองของประเทศต้นทางก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย 
      
ด้านทางการพม่าได้กำหนดให้แรงงานสามารถเดินทางไปพิสูจน์สัญชาติ ณ เมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย เมืองเมียวดี ตรงข้าม อ. แม่สอด และเมืองเกาะสอง ตรงข้าม จ.ระนอง ขณะที่แรงงานจากพม่าจำนวนมากยังวิตกกังวลที่ต้องเดินทางข้ามไปยังฝั่งพม่าเพื่อดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ 
      
กลุ่มเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติในไทยระบุ  ขณะนี้พบเริ่มมีการกวาดล้างแรงงานข้ามชาติใน 3 พื้นที่ซึ่งมีจำนวนแรงงานข้ามชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว  เช่น จ.บุรีรัมย์ อ.มหาชัย ในเขตจ.สมุทรสาคร และใน อ .แม่สอด จ.ตาก ขณะที่ มิ้นหว่าย สมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า (กรพ.) ระบุว่า เริ่มมีการกวาดล้างแรงงานข้ามชาติในกรุงเทพฯ แล้วเช่นเดียวกัน  
      
ทั้งนี้ใน จ.บุริรัมย์พบว่า มีแรงงานจำนวน 150 คนที่ไม่สามารถดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ทางการกำหนดได้ 
      
โกทู  แรงงานชาวพม่าซึ่งทำงานให้กับโครงการยุติธรรมเพื่อแรงงานข้ามชาติ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (Human Rights and Development Foundation's migrant justice program) เปิดเผยว่า ขณะนี้ในเขตมหาชัยก็มีการรายงานว่าพบแรงงานบางส่วนถูกจับและถูกผลักดันกลับพม่าแล้ว 
      
ด้านจ่อซิน  จากสมาคมผู้ใช้แรงงานยอง ชี อู (Yaung Chi Oo Workers Association) ใน อ.แม่สอดก็ออกมาเปิดเผยเช่นเดียวกันว่า แรงงานข้ามชาติในตลาด อ.แม่สอดถูกจับกว่า 200 คน ในขณะเดียวกัน นายจ้างคนไทยที่ไม่สามารถนำแรงงานไปขอยื่นพิสูจน์สัญชาติได้ทันก่อนวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ก็อาจถูกตั้งข้อหาและถูกปรับเป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท 
      
ในวันเดียวกันนี้  สำนักข่าวดีวีบี (Democratic Voice of Burma) รายงานว่า  เด็กสาวชาวพม่าอายุ 12 ปี และพี่สาวอายุ 20 ปี จมน้ำเสียชีวิตใน จ.ภูเก็ต เนื่องจากพยายามว่ายน้ำหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ แรงงานคนหนึ่งในพื้นที่ระบุ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มักรีดไถแรงงานข้ามชาติ แม้แต่แรงงานที่ถือบัตรอนุญาตทำงานถูกต้อง ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและเรียกเก็บเงินถึง 6 พันบาท 
      
กลุ่มฮิวแมนไรท์วอชได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางการไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้ให้การคุ้มครองแก่แรงงานข้ามชาติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่มักมองว่าแรงงานข้ามชาติเหมือนเป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ ทั้งนี้ แรงงานข้ามชาติในไทยราว 80 เปอร์เซ็นต์พบว่าเป็นแรงงานข้ามชาติจากพม่า 
      
ส่วนในเรื่องของการพิสัญชาติหลายฝ่ายมองว่า ยังไม่สมควรนำมาใช้กับแรงงานจากประเทศพม่า ซึ่งยังเป็นประเทศที่ยังคงมีสงครามการเมืองและความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาล แรงงานชนกลุ่มน้อยบางส่วนจึงไม่กล้าเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติ เนื่องจากหวั่นวิตกว่าตัวแรงงานเองและครอบครัวในพม่าจะได้รับอันตรายและถูกรีดไถเงินจากทางการพม่า