Skip to main content
sharethis

ทักษิณโฟนอินหลังศาลฎีกาสั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน อ้างผูกไทค์ดำไว้ทุกข์ให้ตัวเอง ชี้ยึดทรัพย์มีธงการเมือง ขำคำพิพากษายึดในส่วนของหุ้นที่เพิ่มขึ้นขณะที่หุ้นขึ้นทั้งตลาด ลั่นขอเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย อัดอำมาตย์ไม่รังเกียจทุจริตแต่ไม่อยากเห็นรัฐบาลประชานิยม

เวลา 21.00 น. เศษวันนี้ (26 ก.พ.) ภายหลังศาลฎีกาสั่งยึดทรัพย์กว่า 46,373 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิ้งก์ว่า คงเป็นเรื่องที่น่าขบขันไปทั้งโลกที่มองว่าการที่หุ้นบริษัทของครอบครัวขึ้นเพราะได้เป็นนายกฯ ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ แต่ความเป็นจริงคือหุ้นขึ้นทั้งตลาดหลักทรัพย์ อยากให้สังเกตว่าการอ่านคำพิพากษาของศาลคล้ายตอนคดียุบพรรคไทยรักไทย ก่อนที่จะมีการปฏิวัติ ศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ขอยืนยันว่านี่เป็นเรื่องการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ และที่ได้พูดตั้งแต่เมื่อวาน (25 ก.พ.) ว่ารัฐบาลรู้ล่วงหน้า เพราะคนที่ปักธงและคนอุ้มรัฐบาลคือคนเดียวกัน จึงทำใจไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าโดนแน่

สรุปแล้วว่าการเป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจดีขึ้น ทรัพย์สินประเทศเพิ่มขึ้นไม่แบ่งให้ แต่บริษัทของครอบครัวขึ้นบอกว่าโกงแล้วยึด ทั้งที่หุ้นขึ้นลงตามเศรษฐกิจโลกเป็นส่วนใหญ่ ศาลอ้างเป็นราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นนายกฯ ได้มาด้วยการใช้อำนาจมิชอบ คงขบขันกันทั้งโลก ว่า ตนเป็นนายกฯ ทำให้หุ้นขึ้น หุ้นขึ้นทั้งตลาด ก็ยังดีที่ยังคืนส่วนที่มีก่อนที่เป็นนายก

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่าวันนี้ใส่เสื้อดำและผูกเนกไทดำ อ้างว่าเพื่อไว้ทุกข์ให้ความดื้อของตัวเอง ที่ไม่ฟังคำพูดของคุณหญิงพจมาน (ดามาพงศ์ อดีตภริยา) และลูกๆ ที่ค้านไม่ให้เข้าเล่นการเมือง แต่ด้วยความเป็นนักเรียนนายร้อย แต่ต้องลาออกมาประกอบธุรกิจ ก็มีความรู้สึกอยากทดแทนคุณแผ่นดิน อยากช่วยเหลือคนบ้านนอก เพื่อนร่วมชาติที่ลำบากอยู่ ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอก

“พ่อขอโทษด้วยนะลูกที่ดื้อ และทำให้ครอบครัวเดือดร้อนทุกวันนี้” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อมาว่า ตนเดือดร้อนคนเดียวไม่เป็นไร แต่วันนี้การเมืองตอนนี้ดุมาก ใจดำมาก แต่ขอตนเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย ถ้าเมื่อไรประเทศได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีระบบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม คงจะไม่มีเหยื่ออย่างตนอีก เพราะวันนี้ดุลทั้งหมดไปอยู่อำมาตย์ที่สามารถกดปุ่มสั่งการให้ระบบหนึ่ง มีอำนาจเหนืออีกระบบหนึ่งอย่างง่ายดาย

“กฎหมายไทยเหมือนเล่นติต่าง ถ้าเป็นพวกผม ผมก็จะไม่บังคับใช้กับคุณ ถ้าคุณไม่ใช่พวกผม กฎหมายจะเดินเร็ว ตีความให้คุณเดือดร้อน ขาดมาตรฐานสากลอย่างรุนแรง ไม่สมกับการที่ประเทศไทยได้พัฒนามาถึงจุดนี้ และมีคนเพียงคนเดียวกระชากประเทศไทยถอยหลังอย่างน่ากลัวมาก” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอโทษต่อผู้พิพากษาที่มีอุดมการณ์ ไม่อยากเห็นสถาบันต้องเป็นแบบนี้ แต่เป็นเพราะมีคนต้องการจัดการกับตนเลยยืมสถาบันมาจัดการ อย่างไรก็ตามไม่ต้องวิตกช่วยกันกอบกู้ใหม่ เพราะตนจะเป็นเหยื่อคนสุดท้าย หวังว่าทุกอย่างคงดีขึ้น ถ้าเขาได้ทำถึงที่สุดแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า รู้ว่ามีคนไม่อยากให้เล่นการเมือง และได้เคยกราบบังคมทูลฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วว่าจะไม่รับตำแหน่ง และเคยประกาศหน้าทำเนียบฯ เมื่อเดือนเมษายน ปี 2549 ว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งหลังจากนั้นมีการยกเลิกการเลือกตั้ง และประกาศเลือกตั้งใหม่ในเดือนธันวาคม แต่ก็ไม่ได้เลือกตั้ง เพราะรอไม่ไหว เกิดปฏิวัติเสียก่อน แต่ก่อนการปฏิวัติก็มีการลอบฆ่าตนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ

“หลังการปฏิวัติ จึงตั้ง คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ซึ่งประกอบด้วยปฏิปักษ์ทางการเมืองของผมทั้งนั้น ก็ไม่รู้ว่าได้เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ถ้าได้ถือว่าเป็นการปล้นทรัพย์ การปฏิวัติครั้งนี้บอกได้เลยว่าสนธิบัง (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) เป็นเพียงหุ่นเชิด แต่คนปักธงเป็นคนปฏิวัติ"

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า ที่ตนเองไม่ถูกจัดการมาถึงวันนี้เพราะประชาชนเมตตาช่วยเหลือ และขอบคุณคนเสื้อแดงที่ไม่ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าทำทุกอย่างเพื่อผม ทั้งที่ทำเพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม วันนี้หลายคนอาจรู้สึกโกรธแทน ซึ่งโกรธได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง ต้องสู้ด้วยความอดทน มีสันติ อย่างให้รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะต้องตกอยู่ในมืออำมาตย์อย่างนี้ กลายเป็นประเทศที่ไม่สามารถทำนายอนาคตได้

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวเตือนนักธุรกิจด้วยว่า บทเรียนในวันนี้บอกได้ว่าอย่ามาเล่นการเมือง เพราะนักธุรกิจมักมีนิสัยอยากทำงานให้สำเร็จรวดเร็ว คนละวัฒนธรรมกับนักการเมือง ถ้ามีอะไรเข้ามาอาจโดนยึดทรัพย์ ถ้ารักบ้านเมืองจริงๆ ขายให้เกลี้ยง อย่าเอาอะไรเข้ามา

“อำมาตย์เขาไม่รังเกียจเรื่องทุจริต แต่อย่าป็อปปูล่าร์ (ประชานิยม) มาก ผมเป็นนายกฯ คนเดียวและคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ปกติแล้วไม่มี เพราะว่าเขาไม่อยากเห็นรัฐบาลป็อปปูลาร์” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

อดีตนายกกล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ถูกประณามในวันนี้ยืนยันว่าทำงานตามหน้าที่ทั้งระบบไม่เคยคิดโกง และไม่มีความจำเป็นต้องโกง เพราะมีหลักทรัพย์มาก่อนเล่นการเมือง วันนี้ที่ถูกหาว่าโกงเป็นเรื่องการเมืองทั้งนั้น แต่นึกว่าเมื่อทำงานสำเร็จ ครอบครัวสบาย ก็ควรช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่ยังลำบากอยู่มาก จึงดิ้นรนมาทำงานการเมือง และใช้ความรู้ความสามารถทำงานอย่างเต็มที่

“ผมเป็นคนแรกที่ถูกยึดทรัพย์ส่วนตัวของครอบครัว เพื่อสังเวยการเมือง ก็มันเป็นประวัติศาสตร์ แน่นอนครับผู้ชนะ คือผู้เขียนประวัติศาสตร์ วันนี้ผมไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ผมจะบันทึกประวัติศาสตร์ไว้”

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่าถ้าโกงอย่างที่ถูกกล่าวหาขอให้มีอันเป็นไปในภาย 7 วัน 10 วันนี้ แต่หากไม่จริงขอฝากโครงสี่สุภาพบทที่ว่า “ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เราก็ศิษย์อาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้น คืนสนอง” 

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ได้เคยบอกไว้ว่าจะแสวงหาความยุติธรรมให้เจอ ไม่ว่าในนรก สวรรค์ ในประเทศหรือนอกประเทศ วันนี้ถือว่าไม่ได้รับความยุติธรรมแต่จะแสวงหาความยุติธรรมต่อไป ขอให้ใช้วิจารณญาณ อย่าดูหนังม้วนเดียว แต่ให้ดูย้อนไปว่าสิ่งที่ทำงานมาเป็นอย่างไร การปฏิวัติมีอะไรเกิดขึ้น มีการใช้สถานบันต่างๆ จัดการการเมืองอย่างเป็นระบบอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองวันนี้ไม่เป็นปกติ

“ขอพี่น้องที่รักความยุติธรรมให้สู้ต่อไปสู้ด้วยความสันติ ประชาธิปไตยจะต้องเฟื่องฟู อนาคตลูกหลานจะต้องเติมโตในสังคมประชาธิปไตยที่มีความยุติธรรม มีความเสมอภาค ขอให้เป็นบทเรียนที่ดี ผมเจ็บคนเดียวไม่เป็นไร ขอให้สิ่งที่เกิดกับผมวันนี้นำไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตย ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง น้ำใจของท่านยิ่งใหญ่มาก และผมจะไม่ลืม  ขอโทษลูกๆ และคุณหญิงอีกครั้งที่ผมดันทุรังเข้าการเมือง ผมเสียใจ ขอบคุณมากครับ " พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net