Skip to main content
sharethis
22 พ.ย. 52 - นายสุเทพ เทือสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฝากถามมาว่าเมื่อไหร่จะเดินทางไปเจรจา เรื่องพื้นที่ทับซ้อน บริเวณไหล่ทวีป ว่า ตนไม่ค่อยได้ฟังที่ พล.อ.ชวลิตพูด เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องกับคำพูดนั้นๆ ส่วนเรื่องการเจรจา อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ให้คลี่คลายก่อน เพื่อทำให้การพูดคุยกันง่ายขึ้น หากยังไม่เห็นช่องทางก็ไม่รู้จะดินทางไปทำไม
เมื่อถามว่ายังสามารถพูดคุยเจรจากันได้อยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องต่างๆที่ตนรับผิดชอบต้องใช้ความอดทน พยายามไปเรื่อยๆ ในการแก้ไข เช่นเรื่องการแต่งตั้งตำรวจ เรื่องปัญหาภาคใต้ และเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เช่นเดียวกัน ก็ต้องพยายามทำ หากเรามีความจริงใจและตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาก็คงจะสำเร็จได้ ตนเชื่อว่า สมเด็จฮุน เซน คงตระหนักได้ว่าไทยมีความจริงใจ
เมื่อถามว่า มีรายงานว่ากัมพูชาได้ส่งอาวุธมาให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้ แต่มีรายงานว่าจะมีการนำคนกลุ่มอื่นมาร่วมชุมนุม ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ตนขอร้องว่าผู้ที่จัดการชุมนุมให้ระมัดระวัง อย่าปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมทื่ไม่ใช่คนไทยมาร่วมชุมนุม เพราะพูดกันไม่รู้เรื่องและไม่สามารควบคุมได้ อาจเข้ามาสร้างปัญหาโดยตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามาชุมนุมให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น ตนขอฝากไปถึงกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่คนไทยและจะเข้ามาชุมนุมว่า การชุมนุมถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เฉพาะประชาชนคนไทยเท่านั้น ที่จะแสดงการชุมนุมหรือประท้วงโดยสันติวิธีและสงบ แต่ถ้ามีคนต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องต้องถือว่าทำผิดกฎหมาย
ต่อข้อถามว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สกัดกั้นตามแนวชายแดนด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนติดตามข่าวอยู่ตลอด ถ้าตรวจสอบแล้วพบก็จะสกัดกั้นไม่ให้เข้ามาร่วมชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาปั่นป่วน ส่วนแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยนั้น ผู้ประกอบการต้องควบคุมและตักเตือนไม่ให้เข้ามาชุมนุมหากปล่อยปละและมี ลูกจ้างมาร่วมชุมนุมก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เพราะถือว่าการชุมนุมไม่ใช่หน้าที่ของคนเหล่านั้น
ปชป.เชื่อยังไงเสื้อแดงก็รุนแรง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงปลายเดือน พ.ย.ว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 5 ด้าน คือ 1. กระทบความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ทำให้การลงทุนลดลง 2. กระทบความเชื่อมั่นในประเทศจะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง 3.หนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะหนี้สินภาคเกษตรกร 4.การว่างงานของภาคอุตสาหกรรมจะมากขึ้น และ เชื่อว่าต้นปีจะมีการว่างงาน 1ล้านคน ปัจจุบันรัฐบาลนี้สร้างงานไปแล้ว 4 แสนตำแหน่ง และตั้งเป้าว่า 2 ปีจะสามารถสร้างงานได้อีก 1 ล้านตำแหน่ง รวมเป็น 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่หากเกิดการชุมนุมก็จะทำให้การสร้างงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ 5 กระทบต่อการท่องเที่ยว
"การชุมนุมเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขลดลงไปร้อยละ 20 แต่ภายหลังมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ตัวเลขบวกขึ้นร้อยละ18 แต่หากเกิดความวุ่นวายในช่วงเดือนธันวาคมจะทำให้ตัวเลขนักท่องที่ที่คาดว่า จะมาอีก 4  แสนคนไม่ตรงไปตามเป้า" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นพ. บุรณัชย์ กล่าวต่อกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่าเหตุการณ์ประเทศไทยอาจจะเหมือน "คุก บาสตีย 2" ว่า กลุ่มเสื้อแดง ภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ลักษณะการเปรียบเทียบเชิงประวัติศาสตร์และเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวสถาบันสูงสุดและสถาบันองคมนตรี
"ประเทศชาติที่เกิดความรุนแรงในอดีตถึงขั้นล้มล้างสถาบันในหลายชาติที่เขาพยายามเอ่ยถึงมันเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ราชวงศ์ทุกพระองค์ท่านปกป้องรักษาช่วยเหลือคนไทยมาโดยตลอดจะเป็น ภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุด ไม่มีคนไทยคนใดที่จะยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นประมุข ไม่ว่าจะมีรูปแบบรัฐไทยใหม่ สภาเปรสซีเดียม หรือการสถาปนาระบอบประธานาธิบดี จึงเรียกร้องให้หยุดการพาดพิงสถาบันเพราะเป็นการกระทำไม่สำนึกถึงความจงรักภักดี" นพ. บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อถึงกรณี สื่อมวลชนกัมพูชารายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาจะให้ที่พักพิงแก่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยรับรู้ข้อมูลตั้งแต่เดือนเม.ย. แต่ไม่ต้องการให้กระทบต่อความสัมพันธ์ เมื่อมีกระแสข่าวออกมาอีกครั้งก็อยากเรียนไปถึงกลุ่มเสื้อแดงว่าจะต้องไม่ดึงรัฐบาลประเทศอื่นให้การสนับสนุนไม่ว่าฝ่ายใด ต่อเหตุการณ์ความวุ่นวายในประเทศไทย
"การกระทำลักษณะดังกล่าวจะเพิ่มปมประเด็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ เป็นพฤติกรรมทำลายประเทศไทยอย่างไม่น่าให้อภัย จึงอยากให้ทุกฝ่ายเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
วันเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่าการนัดชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 28 ธ.ค.หมดความชอบธรรม แม้จะบอกว่าจะชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่การชุมนุมที่ผ่านมามีการปลุกระดม จึงทำให้หมดความชอบธรรมที่จะชุมนุมต่อไป
"การที่ี่นัดชุมนุมเป็นช่วงเวลาของความสงบที่จะชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเดือนธ.ค.คนไทยทั่วประเทศเตรียมที่จะเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เหมาะสมหรือไม่ และการที่เสื้อแดงส่งสัญญาณด้วยการออกอากาศของวิทยุที่จ.เชียงใหม่ปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง ที่สำคัญ ที่ผ่านมากลุ่มเสื้อแดงใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับผู้ร่วมชุมุนมผิดๆจึงขอให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมฟังข้อมูลให้รอบด้านและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ"นายสาธิตกล่าวและว่า อยากเรียกร้องแกนนำเสื้อแดงไปหางานที่ได้เงินแบบที่ี่ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ควรกลับไปเตรียมข้อมูลเพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยหน้า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อก็ให้กลับไปสภาโจ๊ก ส่วนนายวีระ มสิกพงศ์ ก็กลับไปเลี้ยงหลาน ถ้าทำได้อย่างนั้นประเทศชาติก็จะเจริญยิ่งขึ้น
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่การชุมนุมของคนเสื้อแดง ว่า มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทุกครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่าถ้ารัฐบาลจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อควบคุมการชุมนุมครั้งนี้ ก็น่าที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทั้งประเทศที่ไม่อยากให้บ้านเมืองเกิด ความวุ่นวายอีกครั้ง ซ้ำรอยเหตุการณ์สงกรานต์เลือด
"มันมีลางสังหรณ์ที่น่าจะเกิดความรุนแรงหลายอย่างเช่น 1. มีการยิงเอ็ม 79 ใส่การชุมนุมรวมพลังแผ่นดินของกลุ่มพันธมิตรฯ 2.อาจจะเป็นเรื่องของการสร้างสถานการณ์ของคนเสื้อแดงขึ้นมาเพื่อปลุกปั่น กระแสและให้เกิดเหตุลุกลาม และ 3.เป็นเรื่องของมือที่ 3 ฉกฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายและโยนความผิดให้รัฐบาล หรือแม้กระทั่งอาจจะมีปฏิบัติการทวงคืนความรุนแรงที่เครือข่ายของคนเสื้อแดง ได้เคยก่อไว้กับกลุ่มพันธมิตรฯ" นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า การประกาศของคนเสื้อแดงที่จะใช้ความรุนแรงลอบสังหารนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ จ.เชียงใหม่อาจเป็นการส่งสัญญาณให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร เพราะในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งขบวนการล่าล่านายกรัฐมนตรีและทุกคนที่เป็น ปฏิปักษ์ของคนเสื้อแดง เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หรือแม้กระทั่งตนเองที่มีการออกมาสัมภาษณ์ขมขู่ผ่านสื่อของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชกพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นคนหน้าผากแคบ อายุไม่น่าจะยืน ทั้งมีการใช้รถจักรยานยนต์ขับติดตามสะกดรอยในการเดินทาง และการส่งมือทำงานไปถ่ายภาพที่หน้าบ้านและที่สำนักงานกฎหมายตน
"การที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งเผด็จศึกรัฐบาลในช่วง เดือนนี้ทั้งที่ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย แม้แต่ตัวพล.อ.พัลลภเอง เป็นมือทำงานของพรรคเพื่อไทยที่ออกมายอมรับว่า เป็นการเลือกช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีหลายเหตุและปัจจัย เช่น 1.คดีความต่างๆจะถูกตัดสินในช่วงปีใหม่นี้ โดยเฉพาะคดีการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกเสียดายมากที่สุด 2. ความกลัวว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตรและการแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบของพี่ น้องประชาชน เนื่องจากถ้าปล่อยให้รัฐบาลทำผลงานประสบความสำเร็จ คนก็จะลืมพ.ต.ท.ทักษิณไปในที่สุด 3. บาบาทบนเวทีโลกของนายกรัฐมนตรีโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก" โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างแถลงข่าวนายเทพไทได้โชว์รูปนายบารัก โอบามา โอบไหล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเขียนบรรยายใต้ภาพว่าคู่แฝดอินเตอร์ โอบามาบวกมาร์ค เท่ากับ โอบามาร์ค และรูปภาพเปรียบเทียบของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโอบกอดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความใต้ภาพว่า คู่แฝดเขมร ฮุนเซนบวกทักษิณ เท่ากับ ฮุนสิน โดยนายเทพไท กล่าวสำทับว่า ภาพ ของพ.ต.ท.ทักษิณสวมกอดกับสมเด็จฮุนเซนจะไปทดแทนภาพที่พรรคเพื่อไทยได้นำรูปนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยสวมกอดกับนายอภิสิทธิ์ น และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เพื่อให้พี่น้องคนอีสานและภาคเหนือรับรู้ข้อเท็จจริง
สาทิตย์เผยไทม์สออนไลน์ปัดให้เทปสัมภาษณ์ "ทักษิณ"
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไทม์ส ออนไลน์ ว่า ทางไทม์ส ออนไลน์ ได้ตอบมาอย่างไม่เป็นทางการว่า ไม่สามารถส่งเสียงสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่รัฐบาลไทยขอไปได้ โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลและอ้างว่าเป็นสิทธิ ตนจึงขอให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือส่งไปอีกครั้ง เพื่อขอให้ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับความรู้สึกของคนไทย ส่วนการที่ไม่ให้เทป จะเกี่ยวโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ต้องขอรอฟังเหตุผล
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์ไทยรัฐ,เว็บไซต์สยามรัฐ
สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net