Skip to main content
sharethis

22 สิงหาคม 2566 กลายเป็นวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย จากการเดินทางกลับเมืองไทยของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ และการโหวต ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ คนที่ 30 ท่ามกลางบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยเผชิญวิกฤตศรัทธามากที่สุดครั้งหนึ่ง

โดยครั้งนี้ พท. ยอมผิดคำพูดกับประชาชน จับมือกับพรรค 2 ลุง หวังฝ่าด่าน สว. จนเกิดแฮชแท็ก #เพื่อไทยตระบัดสัตย์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่หลายวัน ทั้งยังมีคนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคบางส่วนประกาศไม่ไปต่อกับ พท. เนื่องจากรับไม่ได้กับการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

แต่ก็มีคนเสื้อแดงอีกส่วนที่ยังศรัทธาในแนวทาง พท. และมีทักษิณ เป็น “นายกในดวงใจ” แม้เจ้าตัวจะลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศกว่า 15 ปี

เป็นเศรษฐี มีเงินเก็บ เจ็บป่วยได้รักษา

“ทำไมสมัยทักษิณพี่ตั้งตัวเป็นเศรษฐีได้ พอมาดูตอนนี้มีใครทำได้ไหม” 

‘อุษา’ นักธุรกิจหญิงที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อจริงด้วยเหตุผลทางธุรกิจ บอกว่าเธอทำงานในบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบินมาจากที่นั่นมาไทยเพื่อแวะทำธุระและอยู่รอรับทักษิณด้วยเลย

“สมัยท่านอยู่…อะไรก็ very easy” อุษา บอก

สอดคล้องกับ ‘บัวลอง’ หญิงเสื้อแดงจาก อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ที่บอกว่ายุคทักษิณเป็นยุคที่เธอมีเงินเก็บ “ค้าขายง่าย หาเงินง่าย ทุกวันนี้ขายของไม่ได้เลย ต้นทุนสูงเพราะว่าอยู่ในกำมือเจ้าสัวหมดไง”

เมื่อถามว่าในฐานะคนเสื้อแดง คิดอย่างไรกับการที่ พท. จับมือพรรค 2 ลุงตั้งรัฐบาล

บัวลองตอบว่า  “บ้านเราก็ไม่มีสีเสื้อแล้ว ไม่มีสีเสื้อ เราต้องการเดินหน้าประเทศไทย” และพูดต่อด้วยว่า “เราไม่ต้องการความขัดแย้ง ไม่ได้มีใครดีหมด และไม่ได้มีใครชั่วหมด มีทั้งดีทั้งชั่วอยู่ด้วยกัน”

ส่วน ‘ทวี’ ชายเสื้อแดงที่ขับรถส่วนตัวมาจาก จ.อุดรธานี ตอบว่า เข้าใจในการตัดสินใจของพท. เพราะ “ทางเลือกมันน้อย” 

“ใครจะว่ายังไงก็ตาม มีคนเดียวครับที่อยู่ในใจผม” ทวีบอกว่า ตนยินดีที่ทักษิณกลับมา เพราะชอบนโยบาย 30 รักษาทุกโรคและปราบยาเสพติด ทักษิณเป็นคนที่พูดแล้วทำได้จริง

 

ยอม “กลืนเลือด” ดีกว่านองเลือด

“เพราะบางทีอะไรที่มันเป็นทางที่มันตัน เขารู้ว่าทางมันตัน ปีนขึ้นไปเจอลวดหนาม เราฝืนปีนขึ้นไปมันก็เจ็บนะ เลือดตกยางออก แต่ถ้าเราเห็นว่ามันตัน เรายอมกลับไปที่เก่า ไม่ต้องเลือดตกยางออกไปเจ็บตัวดีกว่าไหม”

สมบัติ ทองย้อย หรือ หนุ่ม อดีตการ์ดเสื้อแดง และ ผู้ต้องหาคดี ม.112 บอกว่า การที่เขายังคงสนับสนุน พท. ไม่ได้แปลว่า เขาลืมว่า 2 พรรคทหารจำแลงอย่างพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือ รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ทำอะไรไว้ 

แต่ในเมื่อทุกอย่างมันตัน พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ จึงเป็นสิทธิของพรรคอันดับสอง และตนก็ได้ใช้สิทธิเลือก พท. ไปแล้วในวันเลือกตั้ง จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพรรคในการตัดสินใจ

“พี่หนุ่มมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วเขาถึงทำ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความรู้สึกเจ็บแค้นบ้างไหมที่เพื่อไทยต้องไปจับมือกับ 2 ลุง

“แน่นอน” เขาตอบทันที

สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง เคยถูกศาลสั่งคุมขังระหว่างสู้คดี ม.112 จากการโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยหนึ่งในข้อความที่ถูกดำเนินคดีคือ  กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ'

สำหรับ พรหมพัฒน์ ธนกรบุญพิพัฒน์ วัย 56 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล เดินทางมารอรับทักษิณที่ดอนเมืองด้วย เขาให้ความเห็นสอดคล้องกับ สมบัติ

“เราก็มาสั่งสอนเขาตอนที่เลือกตั้ง เราสู้เอาแค่นั้น ไปสู้รบปรบมือแบบนั้นเราสู้ไม่ได้หรอกครับ ประชาชนเราไม่มีอาวุธที่จะไปสู้กับทหาร เราใช้แต่ปากกาในการต่อสู้ของเรา”

ในฐานะผู้เคยได้รับผลกระทบจากคดีการเมือง พรหมพัฒน์ ยืนยันว่าไม่กังวลกับรัฐบาล พท. 

“สำหรับผมส่วนตัวไม่กังวลใจ เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าเพื่อไทยโหวตให้ก้าวไกล ส่งพิธาเป็นนายกฯ แล้วมันไม่ผ่าน ทำไงได้ ในเมื่อไม่ผ่านแล้วเราก็ต้องหาวิธีเพื่อตั้งรัฐบาลให้ได้ อันนี้เราเข้าใจเขา เราต้องแยกส่วนกันระหว่างสมัยหาเสียงบอกว่าไม่เอาลุง ใช่ครับ แต่พอมันเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว เราไม่อยากจะให้มันเกิดหรอก พอมันเกิดแล้ว เรารับได้ให้เขาบริหารไป ถ้าเขาบริหารดีเหมือนตามที่หาเสียงไว้ก็ว่ากัน แต่ถ้าเกิดว่าบริหารแย่ก็จบ”

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าไม่เคยลืมว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ปี 2553 แต่รับได้กับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และคาดหวังว่าจะได้รับการเยียวยาจากการต่อสู้คดี

"ทนายเขาบอกว่าถ้าเป็นกฎหมายของฉบับนี้แล้ว หมดสิทธิ์ที่เราจะไปขออะไรชดเชยจากทางรัฐบาล หมดสิทธิ์ นอกจากแก้กฎหมาย ต้องแก้กฎหมายใหม่รัฐบาลจึงจะเยียวยาพวกเราได้"

อนึ่ง คดีขอนแก่นโมเดล มีจำเลยทั้งหมด 26 คน ถูกฟ้องข้อหาร่วมกันเตรียมก่อการร้าย ครอบครองอาวุธและอีกหลายข้อหา โดยศาลยกฟ้องข้อหาก่อการร้ายเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา

แนะใช้ผลงานกู้วิกฤตศรัทธา

“จุดมุ่งหมายของคุณทักษิณคงไม่ใช่การปลุกระดมอะไรทั้งสิ้น นอกเหนือไปจากกลับบ้านเกิด และการจัดตั้งรัฐบาลให้ลุล่วง เพราะถ้าไม่สำเร็จรอบนี้ พูดตรงๆ ก็เหมือนโดนด่าฟรี ในเมื่อเลือกเวย์นี้ให้คนด่าแล้วก็ต้องทำให้ได้”

จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ประเมินฉากทัศน์รัฐบาล พท.ชี้ความสำคัญอยู่ที่ตัวผู้นำ หากยอมเป็นไม้รองให้พรรคร่วมรัฐบาลจากขั้วรัฐบาลเก่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร ย้ำการเลือกตั้งครั้งนี้มีปัญหาจากตัวรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพรรคต้องทำให้ดีเพราะเลือกวิธีการที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว

“การที่คุณทักษิณอยู่ในประเทศไทย เป็นการกระชับสัมพันธ์ ทำให้รู้สึกความใกล้ชิด กลับมาเป็น iconic ในประเทศ จากที่ต้องเป็น iconic จากต่างแดนมาตลอด”

จ่านิว เป็นอดีตนักกิจกรรมนักศึกษาที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. และอำนาจนิยม ก่อนบินไปเรียนภาษาที่ต่างแดนแล้วผันตัวเข้าสู่ถนนการเมืองพรรคเพื่อไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net