Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 11 ม.ค. 50 นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวกรณีที่คมช.ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนไม่ให้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคไทยรักไทยว่า วันนี้จะแถลงให้ความเห็นโดยไม่แน่ใจว่าเมื่อแถลงไปแล้วจะสื่อสารไปถึงประชาชนได้หรือไม่ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปข้อแรกคือ พรรคไทยรักไทยก็จะยืนยันที่จะเสนอความเห็น แสดงความเห็น เพื่ออธิบายถึงแนวความคิดนโยบายของพรรค ทั้งในสิ่งที่พรรคจะดำเนินการต่อไป และในการที่จะวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองในเรื่องต่าง ๆ ที่รวมถึงการติดตามการทำงานขององค์กรของรัฐ ทั้ง คมช. รัฐบาล สภาร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติ ต่อไปตามปกติ


 


ส่วนจะเป็นข่าวถูกนำเสนอได้หรือไม่ก็คงจะเป็นเรื่องที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงจะไปใช้วิจารณญาณที่เหมาะสมและเชื่อว่าสื่อมวลชนก็คงจะทำหน้าที่การเป็นสื่อมวลชนที่เสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ต่อไป


 


กรณีที่ทางผู้นำคมช.บางท่านได้เชิญสื่อมวลชนไปหารือและขอความร่วมมือที่จะไม่ให้เสนอข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีและพวก รวมถึงพรรคไทยรักไทย ผู้แทนพรรคไทยรักไทย และพรรคไทยรักไทยด้วยนั้น คิดว่าที่สำคัญก็คือ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเหลือเชื่อ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดจากการปรึกษาหารือมาแล้วกันในคมช. และรัฐบาล เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ซึ่งย่อมจะขัดต่อธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราว และก็ยังขัดต่อนโยบายรัฐบาลว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน เข้าใจว่าคงไม่ได้มีการหารือกันมาอย่างรอบคอบ


 


การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งก็เท่ากับว่าจะเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน เพราะว่าเมื่อสื่อมวลชนเสนอข้อมูลข่าวสารได้อย่างจำกัด ถูกกำหนดว่าเสนอเรื่องใดได้ เสนอเรื่องใดไม่ได้ ประชาชนก็จะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วน ซึ่งก็จะเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม นอกจากนั้นก็จะทำให้เสียภาพพจน์ต่อประเทศในการที่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างร้ายแรง อันนี้เป็นการปิดกั้นสื่อมวลชนที่เข้มข้น รุนแรง เข้าใจว่าในรอบเป็น 10 ปี


 


"ผมก็หวังว่ารัฐบาลและผู้นำคมช.จะได้มีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเรื่องนี้ และยังเชื่อว่ามาตรการและวิธีการที่ดำเนินการนี้ไม่น่าจะมีผลปฏิบัติได้จริง และสังคมคงไม่ยอมรับ สื่อมวลชนเองผมก็เชื่อว่ารับไม่ได้ และสุดท้ายผู้นำคมช.และผู้นำรัฐบาลเองก็คงจะต้องรีบหาทางแก้ไขเรื่องนี้ แน่นอนว่าคงจะกระทบต่อผู้ที่ถูกห้ามเสนอข่าวหมายถึงเช่น พรรคไทยรักไทย เป็นต้น จะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่เราก็เชื่อว่าคงเป็นผลกระทบระยะหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่ามาตรการอย่างนี้คงไม่สามารถอยู่ได้ แต่ว่าจากที่เกิดขึ้นอย่างนี้ทำให้เห็นถึงระบบความคิด วิธีคิดของผู้นำคมช.บางคนที่ไม่มีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตย ไม่มีความเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพเลย และยังเป็นแนวความคิดที่มุ่งทำลายล้าง มองเห็นอดีตนายกรัฐมนตรีก็ดี คนใกล้ชิดก็ดี มาจนถึงพรรคไทยรักไทยว่า เป็นองค์กรหรือบุคคลที่จะต้องกำจัด ขัดขวางในวิถีทางต่าง ๆ ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อการสร้างความสมานฉันท์ และการแก้ปัญหาของชาติบ้านเมือง"


 


นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า ไม่ขอพูดแทนในส่วนที่ไม่ใช่พรรคไทยรักไทย แต่ว่าในส่วนของพรรคไทยรักไทยนั้นถ้าจะขอความเป็นธรรมบ้างก็คือ ถ้าห้ามเฉพาะพรรคไทยรักไทยย่อมเป็นการเลือกปฏิบัติที่ย่อมให้โทษต่อพรรคไทยรักไทย ที่ต้องเตรียมทำงานการเมืองเพื่อที่จะก้าวไปสู่การลงสมัครรับเลือกตั้ง ในขณะที่คมช.ตั้งแต่เป็น คปค.ก็บอกว่ายึดอำนาจรัฐประหารมาเพื่อที่จะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเพื่อที่จะสร้างประชาธิปไตยขึ้น และแก้ปัญหาเรื่องการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ในอนาคตจะมีรัฐธรรมนูญและต่อไปก็จะมีการเลือกตั้ง แต่ว่าบอกว่าจะห้ามเสนอข่าวของพรรคไทยรักไทยเป็นปี ถ้าอย่างนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร


 


"ในแง่นี้ก็ไม่ยุติธรรม แต่เราก็ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นในวันนี้ อย่างที่บอกว่ามาตรการนี้ไม่อยู่ยืด แต่ระบบความคิดของผู้ที่มาทำสิ่งเหล่านี้มาทำมาตรการเหล่านี้น่าจะเป็นปัญหา"


 


ในเรื่องการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพสื่อ นายจาตุรนต์กล่าวว่าจะเป็นข่าวที่ปรากฏไปทั่วโลกแน่นอน เมื่อบวกเข้ากับเรื่องทั้งการยึดอำนาจที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการออกมาตรการทางเศรษฐกิจที่มีลักษณะไม่ยอมรับระบบโลกาภิวัฒน์ ไม่ยอมรับระบบกติกาการค้าระหว่างประเทศ รวม ๆ กันเข้าแล้วจะทำให้ภาพพจน์ของประเทศเสียหายมากแล้วจะกระทบกับความเชื่อมั่นความน่าเชื่อถือกับรัฐบาลเองจึงอยากจะเรียกร้องให้ผู้นำคมช.และผู้นำรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้รีบหารือแล้วก็ยกเลิกมาตรการนี้ออกไปเสียโดยเร็ว ก็หวังว่าประธานคมช.นายกรัฐมนตรี ซึ่งพูดอยู่เสมอเรื่องความยุติธรรม เรื่องสิทธิเสรีภาพ  เรื่องไม่ให้กฎหมู่เหนือกฎหมาย จะรีบทบทวนและแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว


 


นอกจากนี้ หากมีการถอดถอนรายการที่มีการนำเสนอข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคไทยรักไทยนั้น ก็ถือว่าไม่น่าทำได้เพราะขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวและยังขัดนโยบายรัฐบาลด้วย ถ้าปล่อยให้ทำได้ แสดงว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราว นโยบายรัฐบาล ไม่มีความหมาย แล้วคนจะเชื่อถืออย่างไร บริหารประเทศกันอย่างไร นโยบายที่แถลงไว้กับสภาฯก็ไม่มีความหมาย รัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ไม่มีผลจริง ไม่มีความหมายจริง จะขาดความเชื่อถือไป


 


"ผมยังเชื่อว่าเรื่องนี้ทำไม่ได้นะ เกิดจากคนที่ขาดความรู้ความเข้าใจถึงหลักประชาธิปไตย เรื่องเสรีภาพ และไม่เข้าใจเรื่องภาพพจน์ เรื่องความน่าเชื่อที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้น แต่กำลังทำลายภาพพจน์ตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว น่าเป็นห่วง"


 


ในส่วนการอ้างกฎอัยการศึก นายจาตุรนต์ กล่าวว่าเข้าใจว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้กฎอัยการศึก กฎอัยการศึกจะใช้ก็ต่อเมื่อจะเชิญคนไปสอบสวน โดยไม่ต้องเป็นไปตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จะเข้าไปค้นบ้านคน หรือค้นโรงพิมพ์ อันนั้นอาจจะใช้กฎอัยการศึกได้ แต่ว่าปัญหาคือสมควรใช้หรือไม่ การใช้กฎอัยการศึกเพื่อไปถอดรายการอย่างนี้ไม่ได้  แต่ไปถอดรายการโดยสั่งให้ผู้อำนวยการสถานีหรือเจ้าของสถานีทำอันนี้อาจจะได้แต่ก็ไม่ควรทำ จะเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ถ้าทบทวนกันดูก็จะเห็นว่าข้อกล่าวหาที่นำมาเป็นเหตุให้ยึดอำนาจจะเขียนอยู่ใน 4 ข้อนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่าก็มีการพูดกันก่อนหน้านี้หรือมีการอธิบายขยายความโดยผู้นำ คมช.ก็ดี ท่านอื่นก็ดีว่า มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมากในสมัยรัฐบาลที่แล้ว อันนี้มันเทียบกันแล้วไม่รู้ว่าต่างกันขนาดไหน ไม่อยากเปรียบเทียบ 


 


ปัญหาก็คือว่าแล้วที่เคยอ้าง ๆ ว่าจะมาแก้ปัญหาการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อสุดท้ายทำไมออกมาเป็นละเมิด คุกคาม รุนแรงยิ่งกว่ามากมาย และถ้าจะอธิบายว่าขอละเมิดคุกคามรุนแรงเสียก่อน เพื่อในวันข้างหน้าจะได้มีสิทธิเสรีภาพมาก ๆ ก็ไม่เป็นเหตุเป็นผล ทำไมจะต้องทำสิ่งที่ไม่ดีเสียก่อนมาก ๆ เพื่อจะได้ดีในวันข้างหน้ามันไม่เป็นเหตุเป็นผล


 


"ผมก็บอกว่าต้องดูว่าคำว่าเด็ดขาดแปลว่าอะไร ถ้าคำว่าเด็ดขาดหมายความว่าไปจับคนมาตัดหัวเล่นอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องเด็ดขาด มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ พอมาละเมิดเสรีภาพสื่อก็ไม่ควรทำ ยกตัวอย่างว่า ห้ามเสนอข่าวพรรคไทยรักไทย ที่ให้สัมภาษณ์ก็พรรคไทยรักไทยพูดกันอยู่ตลอดว่าที่จะให้สัมภาษณ์แถลงข่าวนี้จะพูดเรื่องอะไรบ้าง การวิจารณ์รัฐบาลเราก็วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ดูสิรัฐบาลทำเรื่องเศรษฐกิจจะยับเยินอยู่แล้ว เรายังไม่เคยเรียกร้องให้ปลดรัฐมนตรี ไม่เคยเรียกร้องความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี


 


"เราขอให้ทบทวนและปรับปรุง เราเสนอเรื่องรัฐธรรมนูญ เราวิจารณ์คมช. พวกนี้เป็นหน้าที่พรรคการเมืองต้องทำ และเราจะต้องทำต่อไป ห้ามเราเราก็ไม่ยอมล่ะ เราก็จะพูดของเราต่อไป แต่ว่าที่ไปห้ามเผยแพร่ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องระเบิด เรื่องการก่อกวนก่อความวุ่นวายที่ห้ามเสนอ แล้วสิ่งที่พรรคไทยรักไทยทำอยู่ก็ทำให้สิ่งที่ถูกกฎหมายทั้งนั้น ที่แถลงนี่ก็แถลงในสิ่งที่ถูกกฎหมายทั้งนั้น ไม่งั้นผมต้องโดนข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นเจ้าพนักงานไปนานแล้ว ก็แสดงว่าพรรคไทยรักไทยก็พูดอยู่แต่เรื่องที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย แล้วมาห้ามเสนอข่าวเพื่อป้องกันเรื่องระเบิด เรื่องการก่อความวุ่นวายมันไม่เกี่ยวกันเลย"


 


รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคการเมืองจะทำได้ในภาวะปัจจุบันที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่ยังไม่ยอมยกเลิก ก็คือใช้ไมโครโฟนเป็นอาวุธเท่านั้น ทำได้อย่างเดียว พรรคการเมืองที่จะทำได้ ทำเป็นปากเสียงให้ประชาชนได้ รักษาผลประโยชน์ให้ประชาชนได้คือพูดเท่านั้น แล้วก็ห้ามเสนอข่าวที่พรรคการเมืองจะทำก็คือจะพูด ก็คือห้ามพรรคการเมืองทำหน้าที่ปากเสียงแทนประชาชน แต่ที่สำคัญคือห้ามพรรคเดียวอีกแล้วบอกว่าอีกพรรคหนึ่งจะพูดอย่างไรก็ได้ แล้วที่บอกว่าเป็นกลางต้องมีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมแปลว่าอะไร


 


ส่วนจะไปพบหารือกับคมช.ในเรื่องนี้หรือไม่นั้น  นายจาตุรนต์กล่าวว่า คิดว่าจะพูดวงกว้างและหวังว่าทางคมช.และรัฐบาลจะหารือกันเอง ไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปแล้วจะได้พบกับใคร คุยกันเข้าใจหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่ไปหารือกับทางคมช. ใช้พูดผ่านทางสื่อไป ก็มีข้อยกเว้นอยู่ข้อเดียวที่อาจทำให้ไปขอไปพบคือถ้าแถลงวันนี้แล้วไม่เป็นข่าวเลยแม้แต่น้อย ก็จะขอไปพบ แต่ถ้าเป็นข่าวก็คือว่าคมช.ก็น่าจะได้รับฟังความเห็น ที่เสนอความเห็นนี้ก็ไม่ได้พูดแบบเอาเป็นเอาตาย จะเห็นว่าขนาดห้ามเสนอข่าวพรรคไทยรักไทยโดยเฉพาะแล้วก็วิจารณ์ตามหลักการและยังขอให้ทบทวนแก้ไขเสีย เพราะมองเราผิดไปเยอะ


 


สำหรับเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตทางการทูตของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณนั้น เรื่องนี้ไม่ควรเลือกปฏิบัติ และจะดำเนินการอะไรก็ควรจะคำนึงถึงอำนาจตามกฎหมายให้ชัดเจน คิดว่าเมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้คมช.ก็กำลังเพิ่มความน่าเห็นใจให้กับท่านทักษิณเข้าไปอีก


 


ส่วนกรณีที่มีการโทรศัพท์มาขู่วางระเบิดที่พรรคไทยรักไทยนั้น ดูเหมือนจะมีอยู่บ่อย ๆ โทร.มาต่อว่า โทร.ขู่บ้าง คิดว่าจะตีโพยตีพายก็ใช่ที่ เวลานี้เรื่องมาตรการ 30% กับเรื่องกฎหมายนอมินี และการที่คมช. ห้ามสื่อเสนอข่าวมันเป็นระเบิดใหญ่มากสำหรับประเทศ เพราะฉะนั้นจะไปตีโพยตีพายเรื่องคนโทรศัพท์มาขู่ก็เรื่องเล็กเกินไป สำหรับความเสียหายที่เกิดกับประเทศมันใหญ่มากกว่าหลายเท่า เพราะฉะนั้นก็ระวังของเราไป เพิ่มมาตรการไปเท่านั้นก็เพียงพอ เวลานี้เรื่องน่าเป็นห่วงคือเรื่องบ้านเมือง คิดว่าทุกฝ่ายน่าจะต้องช่วยกันติดตามเรื่องบ้านเมือง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net