Skip to main content
sharethis

ถึงแม้ว่าพระสันตะปาปา ฟรานซิส แห่งวาติกัน จะประกาศอนุญาตให้นักบวชคาทอลิกให้พรแก่คู่สมรสเพศเดียวกันได้แล้ว แต่ทว่ายังกำหนดให้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ต้องเป็นการให้พรภายใต้บริบทของการสมรส และไม่ได้ให้พรในเชิงพิธีกรรมหรือเชิงพิธีสวด

พระสันตะปาปา ฟรานซิส อนุญาตให้นักบวชนิกายโรมันคาทอลิกให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกันได้แล้ว ในคำแถลงเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนครั้งสำคัญที่คริสตจักรมีต่อชาว LGBTQ+

อย่างไรก็ตาม ในเอกสารของวาติกันที่ได้รับการอนุมัติจากพระสันตะปาปาก็ระบุว่าการให้ศีลให้พรกับคู่รักเพศเดียวกันนี้จะกระทำได้ถ้าหากว่าไม่ได้นับเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมหรือพิธีสวดของชาวคริสต์หรือเป็นการให้พรในช่วงเวลาที่คู่รักอยู่กินกันแบบคู่ชีวิต (Civil Union) ที่ไม่ใช่การแต่งงาน

คำตัดสินใหม่นี้กลายเป็นการเปิดทางให้มีการให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกันได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้นเมื่อเทียบกับคำประกาศก่อนหน้านี้ในเดือน ต.ค. 2565 และเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากคำตัดสินเดิมเมื่อปี 2564 ที่สำนักงานหลักคำสอนของวาติกันเคยสั่งห้ามไม่ให้มีการให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกันโดยอ้างว่า พระเจ้า "ไม่สามารถให้พรแก่บาปได้"

นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2566 เป็นต้นมา สำนักงานหลักคำสอนของวาติกันก็เปลี่ยนหัวหน้าใหม่เป็น คาร์ดินาล วิกเตอร์ มานูเอล เฟอร์นันเดซ พระราชาคณะจากอาร์เจนตินาและพันธมิตรของฟรานซิส ผู้ที่แสดงความคิดเห็นแตกต่างออกไปจากหัวหน้าสำนักงานคนก่อนหน้านี้

คาร์ดินาล เฟอร์นันเดซ และคณะสงฆ์รายอื่นๆ ระบุไว้ในคำประกาศว่า "เมื่อผู้คนร้องขอการให้พร ก็ไม่ควรจะมีการมัวแต่พิจารณาเรื่องศีลธรรมอย่างล้นเกินเพื่อนำมาเป็นเงื่อนไขพิจารณาก่อนการให้พร"

นอกจากนี้ในคำประกาศดังกล่าวยังระบุอีกว่า "พระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้านั้น ทรงประทานต่อชีวิตที่ไม่อ้างตนว่าเป็นผู้ถูกต้อง แต่คือผู้ที่ยอมรับตนเองอย่างถ่อมตนว่าเป็นคนบาปเฉกเช่นทุกคน"

คำตัดสินใหม่ระบุว่าพวกเขาเปิดกว้างให้กับ "ความเป็นไปได้ที่จะให้พรแก่คู่รักในสถานการณ์ที่ไม่ปกติและสำหรับคู่รักที่เป็นเพศเดียวกัน" ถึงกระนั้นก็ตามคำตัดสินก็ยังระบุว่าให้ปล่อยการตัดสินใจเป็นไปตาม "การพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและเอื้ออารีของคณะสงฆ์ที่ได้รับการแต่งตั้ง"

เจมส์ มาร์ติน นักบวชเยซูอิดที่เป็นคณะสงฆ์ที่ดูแลเรื่องเกย์คาทอลิกและได้รับการสนับสนุนจากฟรานซิสกล่าวว่าคำตัดสินนี้เป็น "ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในหมู่คณะสงฆ์ของคริสตจักรในเรื่องคู่รักเพศเดียวกัน"

มาร์ตินกล่าวอีกว่า คำประกาศใหม่นี้เปิดทางให้กับการให้พรแบบไม่ที่ใช่พิธีสวดแก่คู่รักเพศเดียวกัน เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เคยห้ามไม่ให้นักบวชบางตำแหน่งทำ อย่าง บิชอป, บาทหลวง และผู้ช่วยบาทหลวง แต่หลังจากนี้มาร์ตินและนักบวชคาทอลิกคนอื่นๆ จำนวนมากจะสามารถให้พรในการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันที่เป็นเพื่อนของพวกเขาได้แล้ว

สื่อมองว่าพระสันตะปาปาพยายามจะเปลี่ยนแปลงแนวทางที่คริสต์คาทอลิกปฏิบัติต่อประเด็น LGBTQ+ โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว ในตอนนั้นพระสันตะปาปาได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนักบวชเกย์ เอาไว้ว่า "ข้าพเจ้าเป็นใครหรือถึงจะไปตัดสินพวกเขา"

โป๊ปฟรานซิสยังเคยแสดงให้เห็นว่าเขาสนับสนุนการจดทะเบียนคู่ชีวิตของคนรักเพศเดียวกัน รวมถึงพยายามทำให้วาติกันเลิกใช้ภาษาในทางลบตอนที่พวกเขาพูดถึงคนรักเพศเดียวแบบที่เคยทำในอดีต นอกจากนี้โป๊ปฟรานซิสยังเคยสนับสนุนการยอมรับทางกฎหมายต่อคู่รักเพศเดียวกัน ซึ่งแยกออกไปจากเรื่องการแต่งงานด้วย การแสดงออกในตอนนั้นเป็นการเปลี่ยนทิศทางจุดยืนของวาติกันไปจากเดิมของเมื่อปี 2546 ที่เคยมีการระบุว่า มันเป็น "เรื่องจำเป็นที่จะต้องต่อต้านการรับรองทางกฎหมายต่อการแต่งงานระหว่างคนรักเพศเดียวกัน"

พระสันตะปาปายังเคยให้การสนับสนุนแม่ชีจากสหรัฐฯ ชื่อ จีนีน กรามิค ผู้ที่คอยดูแลเรื่องเกย์คาทอลิกมาเป็นเวลาหลายปี ก่อนหน้านี้วาติกันเคยเซนเซอร์เธอแต่เมื่อไม่นานนี้เธอก็ได้พบปะกับโป๊ปฟรานซิส ผู้ที่บอกว่าเธอเป็น "ผู้หญิงที่กล้าหาญ"

คำตัดสินล่าสุดของวาติกันระบุว่าการให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกันและคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานสามารถกระทำได้ "โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการยอมรับสถานะของพวกเขาหรือเปลี่ยนแปลงหลังคำสอนทางศาสนาคริสต์เกี่ยวกับการแต่งงานที่มีมาอย่างยาวนาน"

คริสต์นิกายคาทอลิกมีคำสอนว่าคนที่แต่งงานกันแล้วเท่านั้นถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ และคำตัดสินก็ระบุว่าคริสตจักรไม่สามารถ "ให้พรในเชิงพิธีสวด" แก่คู่รักเพศเดียวกันหรือคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานได้ เพราะมันอาจจะ "เป็นการให้ความชอบธรรมในเชิงศีลธรรมแก่การเป็นคู่ชีวิตที่เข้าใจผิดว่าเป็นการแต่งงาน หรือให้ความชอบธรรมแก่การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสไปด้วย"

แต่คำตัดสินล่าสุดก็ระบุว่า ความหมายเบื้องหลังการให้พรนั้นไม่สามารถถูกลดทอนให้กลายเป็นแค่ "เรื่องของมุมมอง" เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังหมายถึง "การแสดงท่าทีแบบนักบวชที่ผู้คนชื่นชอบและแพร่หลายนั้นจะถูกทำให้ต้องผ่านเงื่อนไขต่างๆ จำนวนมากด้วย ทำให้การอ้างใช้เรื่องนี้มาควบคุม อาจจะกลายเป็นการบดบังอนุภาพความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขของพระผู้เป็นเจ้าได้"

คำตัดสินของโป๊ปฟรานซิสยืนยันว่าศาสนจักรไม่สามารถที่จะกลายเป็นเพียงแค่ "ผู้พิพากษาผู้ที่ปฏิเสธ, ไม่ยอมรับ และกีดกัน" แต่ยังควรที่จะมีความเข้าใจอย่างเปิดกว้างมากกว่านี้ในเรื่องการให้พรด้วย

ความเปิดกว้างของโป๊ปฟรานซิสต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศชาวคาทอลิกกลายเป็นเรื่องที่ทำให้มีผู้ต่อต้านเขาจากภายในศาสนจักร ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ แต่ก็เสียงดัง ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องการให้พรในครั้งนี้ก็อาจจะทำให้เขาเผชิญกับเสียงต่อต้านจากคนกลุ่มนี้ด้วย

เรียบเรียงจาก

Pope Francis authorizes blessings for same-sex couples, CNN, 18-12-2023

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net