Skip to main content
sharethis
  • ประชาชนทยอยร่วมฟังปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทยภายใต้สโลแกน 'เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ประเทศไทยเปลี่ยนทันที'
  • ‘แพทองธาร’ ย้ำ 14 พฤษภา เข้าคูหากา ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที เดินหน้าคืนชีวิตใหม่ประชาชน 
  • เลือก ‘เพื่อไทย’ ให้เกินครึ่ง เดินหน้าตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ‘ชลน่าน’ ย้ำ รัฐบาลเข้มแข็ง คืนความรุ่งเรืองประเทศ 
  • 'เศรษฐา' ปลุกเลือก 'เพื่อไทย' ได้รัฐบาลที่มีประสบการณ์ เปลี่ยนประเทศพ้นวิกฤต ย้ำอย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ 

คลิป ‘ป้าเป้า’ ให้สัมภาษณ์เลือกเพื่อไทย อยากเห็นเศรษฐกิจดี

ฟังเสียงโหวตเตอร์ #เพื่อไทย รุ่นใหม่

ณัฐวุติปราศรัยเดือด ยืนยันปกป้องทุกพรรคในฝ่ายประชาธิปไตย


12 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.30 น. ที่อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทยประชาชนผู้สนับสนุนพรรคทยอยเดินทางมาร่วมฟังการปราศรัย ภายใต้สโลแกน ‘เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’

‘แพทองธาร’ ย้ำ 14 พฤษภา เข้าคูหากา ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที เดินหน้าคืนชีวิตใหม่ประชาชน 

ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก พรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ท่ามกลางกำลังใจล้นหลามจากพี่น้องประชาชนที่หลั่งไหลมาชมการปราศรัยในครั้งนี้

แพทองธาร กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตถึง 3 คน เป็นเพราะเกมการเมืองที่ประมาทไม่ได้ เพื่อไม่ให้ถูกเล่นงานทางการเมือง และเสี่ยงยุบพรรคอีก แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่สนับสนุนกติกาที่ไม่ยุติธรรม แต่ก็ต้องสู้กับกติกาที่ไม่ยุติธรรม พร้อมย้ำไม่ต้องกลัวผิดหวังเพราะแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยกันแก้วิกฤตให้คนไทยแน่นอน 

พร้อมพูดถึงหลายคนที่กล่าวหาว่า พรรคที่เคยถูกรัฐประหารไม่สู้เคียงข้างประชาชน แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยที่ถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ยุบพรรคถึง 2 ครั้ง ถ้านี่ไม่ใช่การสู้เพื่อประชาชน พี่น้องคงไม่สนับสนุนให้พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ได้มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดในทุกการเลือกตั้ง จนถึงทุกวันนี้

แพทองธาร ได้พูดถึงสาเหตุที่เข้าสู่เส้นทางการเมือง เพราะต้องการเป็นตัวแทนโอกาสของคนรุ่นใหม่ เพื่อคนรุ่นใหม่จะได้รับโอกาสที่หลากหลาย จากโอกาสที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

แพทองธาร ได้กล่าวถึง 4 โอกาสหลักไว้ด้วยกัน ได้แก่ โอกาสการเรียนรู้เทคโนโลยีการเงิน, โอกาสในการค้นหาตัวเอง, โอกาสทางการศึกษา, โอกาสในการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อให้โอกาสประชาชนมีรายได้มากพอในการดำรงชีวิต

โอกาสแรก คือโอกาสการเรียนรู้เทคโนโลยีการเงิน จากนโยบาย Digital Wallet ที่นอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศแล้ว คือการให้คนไทยเข้าใจ Blockchain Technology ที่เป็นส่วนสำคัญของวิวัฒนาการเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ราว 55 ล้านคน ได้มีพื้นฐานทางเทคโนโลยี

โอกาสที่สอง คือโอกาสในการค้นหาตนเอง จากทุกความชอบที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน ไม่จำกัดสาขา ผ่านกระบวนการคัดสรร 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ จากพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางหารายได้จากสิ่งที่ถนัดและชื่นชอบ

โอกาสที่สาม คือโอกาสทางการศึกษา ที่จะเปิดกว้างจากทุนรัฐบาลที่สนับสนุนไปจนถึงระดับปริญญาเอก ตามความประสงค์ของผู้เรียน รวมถึงทุนเหล่าเรียนในต่างประเทศ เช่น ทุนการศึกษาสมัยไทยรักไทย ที่จะกลับมาเป็นโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนไทยอีกครั้ง

โอกาสที่สี่ คือโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการ จากการสนับสนุนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่จะหาทุน เพื่อผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่อาจจะมีไอเดียแต่ไม่มีทุนทรัพย์ โดยพรรคเพื่อไทยจะส่งเสริมให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินของอาเซียน เพื่อกิจการที่มั่นคงของประชาชน

โอกาสสำคัญทั้งหมด คือที่ประชาชนจะต้องมีรายได้มากพอในการดำรงชีวิต จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะทำให้เศรษฐกิจให้เติบโต เฉลี่ยปีละ 5% เพื่อเพิ่มตำแหน่งงานและเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ วุฒิปริญญาตรีมีรายได้เริ่มที่ 25,000 บาทต่อเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เมื่อเศรษฐกิจขยายตัว ประชาชนทุกคนมีรายได้เพียงพอ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง

แพทองธาร กล่าวทิ้งท้ายถึงทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ฝากความคิดถึง และคำขอบคุณถึงพี่น้องประชาชนที่ยังคงนึกถึงกันตลอด “ท่านพูดว่า ถ้าพ่อกลับมาติดคุก แล้วระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วเพื่อไทยขอคำแนะนำ หวังว่ามันสมองท่านจะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้” นางสาวแพทองธารกล่าว พร้อมย้ำ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ พาพรรคเพื่อไทยเข้าทำเนียบ เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ทันที

เลือก ‘เพื่อไทย’ ให้เกินครึ่ง เดินหน้าตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ‘ชลน่าน’ ย้ำ รัฐบาลเข้มแข็ง คืนความรุ่งเรืองประเทศ 

ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยใหญ่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ว. 250 คนยังมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ตามกฎหมาย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก พี่น้องต้องเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบให้เกินครึ่ง เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเพื่อความรุ่งเรืองของประเทศ

ชลน่าน เริ่มต้นปราศรัยโดยให้ความสำคัญของคำว่า ‘แลนด์สไลด์’ เพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งมีความหมายสำคัญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งโดย 2 ป. มาร่วมลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่จนถึงพฤษภาคมปีหน้า ครั้งนี้ก็เช่นกัน 2 ป. ก็จะกินฟรีกินรวบอีกรอบ ถ้าไม่มีพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยที่มี ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของสภาและรวมกัน ส.ส.ฝั่งประชาธิปไตยให้ได้ 375 เสียง ซึ่งวันนี้ ทุกโพลระบุตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาสจะได้ ส.ส.จำนวนมากที่สุด

ชลน่าน กล่าวต่อว่าวันนี้จึงต้องมาบอกพี่น้องว่าเรามีความจำเป็น ต้องขอพี่น้องให้เลือกเราทั้ง 2 ใบ เลือกเราเพื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง เพื่อจะพาพี่น้องเราได้มีชีวิตที่มีเสรีภาพ มีสังคมยุติธรรม มีระบบราชการที่บริการประชาชน สำคัญกว่านั้น พรรคเพื่อไทยเราเป็นพรรคที่เก่งเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เก่งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยได้คล่อง ท่านจะได้เห็นความรุ่งเรืองของประเทศกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบนเวทีแห่งนี้ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย คือคุณแพทองธาร ชินวัตร ก็จะมาบอกว่าได้เตรียมโอกาสอะไรไว้สำหรับคนรุ่นใหม่ ส่วนคุณเศรษฐา ทวีสิน ก็จะมาบอกพี่น้องว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเด็ดขาด

“พี่น้องเราที่อยู่ในหลายพื้นที่ คงกำลังเจอฝนทางการเมืองตกหนักมาก นั่นคือการซื้อเสียง ฝนเหล่านั้นเป็นกรดโดนแล้วเป็นพิษ คือ ถ้าเลือกเพราะเขาซื้อเสียงของเรา ก็คือ ให้เขากลับไปรวยแล้วเราจะกลับไปจนต่อ ถ้าเป็นฝนของเพื่อไทยก็จะเป็นฝนที่มาจากนโยบายที่เป็นประโยชน์ ฝนที่มาจากการบริหารเศรษฐกิจอย่างมีประสบการณ์ ทำให้เศรษฐกิจดีไปทุกหย่อมหญ้า ให้คนซื้อเสียงเหล่านั้นกลับไปจน แล้วพี่น้องมารวยกับการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทยดีกว่า พี่น้องครับ 14 พฤษภาคมนี้ เลือกเพื่อไทยทั้งสองบัตรให้แลนด์สไลล์ไปเลยครับ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

'เศรษฐา' ปลุกเลือก 'เพื่อไทย' ได้รัฐบาลที่มีประสบการณ์ เปลี่ยนประเทศพ้นวิกฤต ย้ำอย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ 

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นวันที่ต้องจารึกประวัติศาสตร์บทใหม่ของประเทศ ที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี จากประเทศไทยที่เคยยืนอยู่อย่างสง่างามในเวทีโลก มีศักยภาพ มีคนเก่ง แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต เอารถถัง เอาปืนมาจ่อหัวพวกเรา ปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากพวกเรา ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก ที่มองว่ารัฐประหารเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ทำให้คนไทยทุกคนล้วนสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า จากประเทศไทยที่เคยเป็นที่ต้องการ เป็นไข่แดงของการลงทุนในอาเซียน แต่วันนี้ประเทศไทยกลายเป็นไข่ขาวรอบอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่มีผู้นำที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญ นำการค้า การลงทุน นำเงินเข้าประเทศมากมาย

ขณะที่ในประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน ด้วยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืน “ความสุข” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจล้วนเป็น “ความทุกข์” ทั้งการคอร์รัปชัน การใช้กฏหมายเป็นอาวุธ การบริหารวัคซีนผิดพลาด และเรื่องที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่สุด คือการยัดข้อหาที่ไร้หัวใจ หาว่าเยาวชนไทย “ชังชาติ”

เศรษฐา กล่าวเปรียบเทียบว่า รัฐบาลปัจจุบันได้สร้างคุกขนาดใหญ่ ขังประชาชนทั้งประเทศเอาไว้กับความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความยากลำบาก ความไม่เป็นธรรม ใช้กฏหมายทำร้ายคนเห็นต่าง ทรยศต่อประชาชน ทั้งหมดนี้ เป็นผลไม้พิษที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารในปี 2557 ดังนั้น ความตั้งใจที่เข้ามาในพรรคเพื่อไทยวันนี้ ‘มาตัวเปล่า’ มาโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีอิทธิพล แต่มีคำสัญญาเพียงหนึ่งเดียวที่มีต่อพี่น้องประชาชน ว่าจะตั้งใจทุ่มเททำงานหนัก ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกหลาน นำประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจกว่า 30 ปี มาทำประโยชน์ สร้างอนาคตให้กับประชาชนคนไทยทุกคน 

เศรษฐาย้ำว่า ผู้สมัคร ส.ส. และบุคคลากรของพรรคเพื่อไทยหลายคน ล้วนรู้ลึก รู้จริง เป็นปรมาจารย์ที่เก่งทั้งทฤษฏี มีประสบการณ์การลงมือทำ พรรคเพื่อไทยยังมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ที่เคยดูแลพี่น้องประชาชนร่วม 66 ล้านคน ครบ 4 ปี และอีกนิดเดียว ที่ไทยเกือบจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย จึงอยากขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนทุกคน ที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรืองเหมือนที่ไทยรักไทย พลังประชาชน ได้ทำไว้ให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ และมีนโยบายเฉพาะกาลที่แก้ปัญหาระยะสั้น จนถึงระยะยาว ประกอบกันจนเป็น Roadmap ของการพัฒนาประเทศ จึงขอชวนพี่น้องมองไปข้างหน้า ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยจะเปลี่ยนไป ดังนี้

1. พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมา เราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน นำพาประเทศและชีวิตของพี่น้องประชาชน เราจะทำงานอย่างขยันขันแข็ง วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ จะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” เรากำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า ภายในปี 2567 เราจะทำให้ GDP ประเทศโตไม่น้อยกว่า 5% เพราะเราต้องการให้พี่น้องร่วมชาติทุกคน มีงานทำ มุ่งไปที่เป้าหมายแรงงานขั้นต่ำ 600 บาท และปริญญาตรี 25,000 บาท ทุกคนจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่หลายประเทศจะมาขอเรียนรู้จากเรา เหมือนที่เราทำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และแน่นอนว่าเราจะรักษาวินัยการเงินการคลังเป็นอย่างดี และจะเห็นบริษัทของคนไทยเติบโตในเวทีโลกจากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยืนยันว่านักลงทุนจะกลับมาให้ความสนใจกับประเทศไทย ไม่แพ้เพื่อนบ้านของเราอย่างแน่นอน

2. ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตัง จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แทนที่ด้วยแบงค์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินน้อยลง เพราะระบบเศรษฐกิจของเราจะทำให้คนไทยทุกอาชีพ ทุกฐานะ สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ เหมือนในยุคไทยรักไทย ด้วยโครงการ Soft Power การเติมเงินทุกครอบครัวให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใช้หลักตลาดนำ นวัตกรรมเสริมทางการเกษตร และการใช้เทคโนโลยี Blockchain

3. รายจ่ายจะลดลง ผ่านนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่จะปรับปรุงการบริการด้วยเทคโนโลยี คนกรุงเทพฯ จะขึ้นรถไฟฟ้าได้ถูกลง 20 บาทตลอดสาย ค่าทางด่วนจะมีการเชื่อมโยงให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง เพื่อการจราจรที่ติดขัดน้อยลง คนต่างจังหวัดจะมีรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่มาเสริมบริการ  ในราคาที่ไม่แพงเกินไป

4. ยาเสพติดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะเพื่อไทยจะนำนโยบายและวิธีการสมัยไทยรักไทยมาใช้ คืนลูกหลานให้กับครอบครัว เป็นบุคคลที่มีค่า ไม่ใช่ปัญหาสังคม

5. นักท่องเที่ยวจะเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ มีการเพิ่มสนามบินนานาชาติที่มีมาตรฐาน ปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิให้ไม่วุ่นวายแบบทุกวันนี้ เราจะมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Man-made ทำนุบำรุงรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมให้มีชีวิตชีวา พร้อมจัดการแข่งกีฬาและคอนเสิร์ตระดับโลก ตลอดจนยกระดับงานประเพณีไทย ให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งปี

6. คืนอากาศสะอาด จัดการ PM2.5 อย่างต่อเนื่องที่ต้นตอ การจราจรในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่จะต้องได้รับการดูแล ไม่ปล่อยไว้ตามยถากรรม 

7. คืนสิทธิที่จะ “รักชาติ” โดยไม่จำเป็นต้อง “เกณฑ์ทหาร” เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ โดยรัฐบาลจะพูดคุยกับกองทัพถึงความจำเป็น และการฝึกอาชีพหลังจากการเป็นทหาร เหมือนในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว 

8. จะไม่มีใครโอดครวญเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน  และค่าแก๊สอีกต่อไป เพราะเราจะปรับโครงสร้างราคาใหม่ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมเร่งพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่มาเสริม และจะควบคุมการผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสม

9. เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน ทำทันทีที่เข้ารับหน้าที่ และจะไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการเด็ดขาด ไม่ว่าจะโดยนักการเมืองหรือผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เราจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เป็นกฏหมายสูงสุดตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะไม่ให้มีการโค่นล้มรัฐธรรมนูญ หรือก่อรัฐประหารขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ มีการบังคับใช้กฏหมายที่ชัดเจนและเป็นธรรม ใครที่ล้มรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ถือเป็นอาชญากรของชาติ ต้องได้รับโทษอย่างเหมาะสม 

10. เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ตัวเองไม่ถนัด  กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง และจะให้ผู้มีความรู้มีประสบการณ์เข้าไปช่วยทำให้รัฐวิสาหกิจประสบความสำเร็จ ทุกคนจะเห็นรัฐบาลเพื่อไทยลดการผูกขาดทุกรูปแบบ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และบริการที่เป็นธรรม 

และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป จะไม่เห็นการบังคับใช้กฏหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง จะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆแต่คนก็เดือดร้อนมาก เราจะยกเลิกการตั้งด่านเก็บส่วยของทั้งตำรวจ กรมการขนส่ง โดยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยความสามารถของพรรคเพื่อไทย  

“ผมมีความฝันที่จะเห็นพี่น้องประชาชนไทย อยู่ดี กินดี มีความภาคภูมิใจ เศรษฐกิจไทยจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้ง ผมและพรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ยอมรับความแตกต่าง หรือตื่นขึ้นมาเจอผู้นำประเทศเป็นคนเดิมที่ไร้หัวใจ เห็นคนไทยไร้ที่ยืนในเวทีโลก” เศรษฐากล่าว

เศรษฐากล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนกระทั่งวันนี้เป็นพรรคเพื่อไทย เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น มีอุดมการณ์ยึดโยงกับประชาชนมาโดยตลอด ขณะเดียวกันก็เป็นพรรคที่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุดเช่นกัน โดยความอยุติธรรมเกิดขึ้นในระบบกฏหมาย ผู้มีอำนาจที่ไม่รับฟังเสียงประชาชน แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นทำอะไรไม่ได้กับอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย เรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน และกลับกัน ยังได้รับความศรัทธาจากพี่น้องประชาชน ได้รับความไว้วางใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งในปี 2544 ปี 2548 ปี 2550 ปี 2554 ปี 2562  และครั้งนี้ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาสทำให้ ส.ว. ต้องฟังเสียงประชาชน

พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะต้องชนะให้มากกว่าทุกครั้งที่เราเคย ให้มากพอที่จะทำให้ ส.ว.ทำตามฉันทามติของประชาชน โดยไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป เราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน จะทำงานหนัก จัดตั้งรัฐบาลที่โปร่งใส เราจะใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่า ใช้จ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่เป็นไปได้จริง

เวลานี้ประเทศต้องการรัฐบาลที่มีประสบการณ์ มีความสามารถ เข้าใจกลไกทั้งการเมือง กฏหมาย ราชการ และความร่วมมือจากภาคเอกชนจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ มาเปลี่ยนประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤต สถานะทางการเงินการคลังของประเทศอยู่ที่ปากเหว หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เรารอไม่ได้แล้ว ประเทศไทยไม่มีโอกาสให้เสี่ยงอีกแล้ว ทั้งเสี่ยงที่จะเปิดช่องว่างให้รัฐบาลเผด็จการกุมอำนาจ ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ค้านมติของประชาชน เสี่ยงที่เสียงของฝ่ายประชาธิปไตยจะถูกบั่นทอน จากการบังคับใช้กฏหมายอย่างไม่เป็นธรรม เสี่ยงที่การลงคะแนนแบบไม่มียุทธศาสตร์ จะทำให้ฝ่ายเผด็จการกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ที่พรรคเพื่อไทยพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง เราต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเราจะต้องทนกับ รัฐบาลที่สืบทอดเผด็จการ ขั้วอำนาจเดิมต่อไป

“ผมขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ชัวร์ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เราจะทำให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ให้ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ ให้นักการเมืองฟังเสียงของประชาชน และผม นายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน สู่ความเป็นจริงที่มีความหวัง ผมขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้ง ส.ส.เขต และพรรคเบอร์ 29 ให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังของทุกคน เปลี่ยนประเทศให้ได้จริง และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลาน” เศรษฐากล่าวปิดท้าย

'เพื่อไทย' ตัวจริง สู้เผด็จการมาตลอด 20 ปี ผ่านรัฐประหาร-ยุบพรรค ก็ยังยืดหยัดสู้ต่อ 'จาตุรนต์ ฉายแสง' ซัดพรรคใหม่ อวดสู้จริงกว่าใคร ตั้งที่พึ่งเกิด 'ณัฐวุฒิ-จิราพร' ปลุกเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ปักธงประชาธิปไตยประเทศไทย  

ช่วงที่ 2 เป็นการปราศรัยของจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยและอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย 

จาตุรนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนไทยได้รู้ว่าพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำให้เกิดผลใน 1 ปี ทำสำเร็จใน 4 ปี ทำให้เศรษฐกิจไทยผงาดขึ้น สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ใช้นโยบายการคลังแบบสมดุล ไม่มีการผลาญเงินภาษี มีแต่การใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างเป็นประโยชน์ที่สุด ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ นี่คือประชาธิปไตยกินได้ เกิดขึ้นจากไทยรักไทยเท่านั้น พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองแรกใน 25 ปีที่ยืนขึ้นต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ และไม่ยอมให้เผด็จการกำหนดอนาคตของประเทศ เมื่อไทยรักไทย รวมตัวใหม่เป็นพลังประชาชน และสู้ต่อเป็นพรรคเพื่อไทย เกิดการต่อสู้ของประชาชนคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ให้ยุบสภา ให้ประชาชนพิสูจน์ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะมีพรรคการเมืองไหนที่สู้มากที่สุด ถ้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

“บางคนบอกว่าเกิดรัฐประหารซ้ำซากเพราะพรรคการเมืองในอดีตไม่ต้านรัฐประหาร ไม่สู้จริง ถ้าเป็นพวกเรา เกิดรัฐประหารจะไปยืนหน้าสภา ลงถนน ที่คือพูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นดราม่าโรแมนติกเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอะไรเลย แต่ถ้านำประชาชนมาสู้จริงๆ เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ที่พาประชาชนไปต่อสู้กับทหารที่มีกำลังอาวุธ ชีวิตผมผ่านการรัฐประหารมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เห็นนักการเมืองต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆ นักการเมืองหลายคนอยู่ไทยรักไทยมาถึงเพื่อไทย ก็นำประชาชนต่อต้านเผด็จการ ไม่ได้คัดค้านในวันยึดอำนาจ แต่ขัดขวางการสืบทอดอำนาจ ตัวผมเองตอนยึดอำนาจปี 2557 นักการเมืองพรรคเพื่อไทยถูกจับไปคุมตัวที่ค่ายทหาร แต่ผมไม่ได้ไปรายงานตัว ก็โดนจับขังที่ค่ายทหาร ขึ้นศาลทหาร สู้คดี 6 ปี” จาตุรนต์ กล่าว

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่านับจากนาทีนี้ ชัยชนะรออยู่ไม่ไกล เหมือนผลไม้บนต้นที่สุกงอมเต็มที่ รอแค่เอื้อมสอย เราต้องสอยและไปให้ถึง แล้วดึงลงมาด้วยการแลนด์สไลด์ และพรรคการเมืองที่จะทำได้คือพรรคเพื่อไทยเพราะเราเข้าถึงใกล้ที่สุด แต่ถ้าเราไม่ดึงลงมา ผลไม้จะสุกงอมคาต้นกลายเป็นผลไม้เน่าลงบนหัวประชาชน ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลง เราจะทำไม่ได้ถ้าไม่เริ่มต้นนับ 1 ด้วยการเปลี่ยนรัฐบาล และจะเปลี่ยนรัฐบาลได้ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต้องได้รับชัยชนะให้เด็ดขาด ถามใจคนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าพรรคเพื่อไทย คือพรรคที่เราใกล้เป้าหมายมากที่สุด

“ไม่ว่าจะคิดเรื่องประชาธิปไตยอย่างไร ไม่ว่าจะใจผูกสมัครพรรคไหน แต่ขอให้มองเป้าหมายเป็นตัวตั้ง ถ้าเป้าหมายคือล้มเผด็จการ ปักธงประชาธิปไตย เราต้องมารบด้วยกันในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ไม่มิเช่นนั้น พลเอกประยุทธ์ไม่ต้องรอลุ้นอะไรนอกจากรอแทรกขึ้นมาตรงกลางในระหว่างพรรคประชาธิปไตย วันนี้ ไม่ใช่เรื่องโง่ ฉลาด กล้าไม่กล้า แต่อยู่ที่ว่ามองปัญหาอย่างไร จัดการปัญหาอย่างไร พรรคเพื่อไทย เจ็บมามาก บอบช้ำมามาก จึงมองว่าการจัดการปัญหาเผด็จการแบบนี้ ต้องเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ และคำแรกที่จะอิ่มด้วยกันคือคำว่าแลนด์สไลด์ และขอให้เลือกให้เด็ดขาด ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว แต่เลือกด้วยความชัวร์ เช็คบิลเผด็จการ เพื่อไทย 2 ใบ แลนด์สไลด์ไปพร้อมกัน” ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทยกล่าว

ดนุพร กล่าวว่า การเดินทางของพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มต้นจากพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เราเป็นพรรคที่เอานโยบายนำการเมือง เราทำความเชื่อของพี่น้องประชาชนเกิดขึ้นว่า เราสามารถนำนโยบายที่หาเสียง มาปฏิบัติได้จริง เราสามารถทำให้พี่น้องเชื่อได้ว่า ประชาธิปไตยของประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ แม้หนทาง 20 กว่าปี จะเจอทั้ง รัฐประหารในปี 2549, 2557 และผ่านการถูกยุบพรรคไปอีก 2 ครั้ง เรายังลุกมา และยืนยันสิทธิของเราในคูหาเลือกตั้ง ทำให้คนปฏิวัติรู้ว่าพวกเขาเสียของ เพราะเพื่อไทยกลับมาได้ด้วยความไว้วางใจของประชาชน พวกเราคิดใหญ่และทำเป็น  เราพร้อมจับมือพี่น้องที่อยู่ในอุโมงค์อันมืดมิด จับมือกันเพื่อพาไปสุ่แสงสว่างอันสดใส แสงสว่างแห่งประชาธิปไตย ที่เราไฝ่ฝันกันมาตลอด 9 ปี 

จิราพร  กล่าวว่า  ความสำคัญของการเลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จากการเลือกตั้งปี 2562 ที่แม้พรรคเพื่อไทยจะมี ส.ส. มากที่สุด แต่ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะอำนาจ ส.ว. การเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้จึงต้องเลือกให้พรรคเพื่อไทยชนะขาดแบบแลนด์สไลด์เท่านั้น พรรคเพื่อไทยสู้กับระบอบเผด็จการจนยุบพรรคถึง 2 ครั้ง ถ้าสู้ไม่จริงคงไม่มีพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน  คงไม่สู้เคียงข้างประชาชนมาเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปี

“เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกตั้งได้ เราเลือกรัฐบาลที่จะมากำหนดทิศทางชีวิตของเราได้ เราจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้เราต้องเปลี่ยนรัฐบาล ผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น ดังนั้น 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเพื่อไทย เพื่อปักธงประชาธิปไตยไปทั้งประเทศ” ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าว

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กล่าวว่าสถานการณ์ประเทศไทยวันนี้เหมือนคนป่วย เราอยู่บนทางแยกที่รัฐบาลปล่อยให้คนไทยโง่ จน และเจ็บมาตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา และเวลานี้มีหมอรักษาประเทศไทยอยู่ 4 แบบ คือ หมอคน 1  เป็นหมอที่รักษาเรามา 8-9 ปี ให้แต่ยาพารากับยาเขียว รักษาแล้ว รักษาอยู่และรักษาต่อ หมอคน 2  เป็นหมอก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เราอยากบอกว่า หมอควรไปก้าวข้ามบันไดให้ได้ก่อน  หมอคน 3  เป็นหมอหนุ่มใหม่ไฟแรงโอปป้า คนไข้คนป่วยกำลังจะตาย แทนที่จะรักษาอาการ กลับเสนอปรับโครงสร้างด้วยการรื้อโรงพยาบาล  รักษาเอาไว้แต่ต้องรื้อโครงสร้างก่อน หมอคน 4  เป็นหมอมากฝีมือ รักษาฉกาจรักษาอาการหนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย เราเห็นฝีมือมา 20 ปี ดีตลอด หมอคนนั้นคือหมอเพื่อไทย

“สถานการณ์นาทีนี้เหมือนเรารบอยู่หน้าค่ายหมายตีเมือง พี่น้องต้องมุ่งมั่น อย่าลังเลสงสัย ตั้งใจให้มั่น ทุบหม้อข้าวเข้าไปตีเมืองด้วยกัน วันที่ 14 พฤษภาคมนี้  อยากได้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เลือก เพื่อไทย ทั้ง 2 ใบไม่ลังเล ให้เพื่อไทยไปเป็นรัฐบาล” อนุสรณ์ กล่าว 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net