Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษจาก China Labour Bulletin ระบุเมื่อ Pou Chen บริษัทซัพพลายเออร์รองเท้าอันดับ 1 ของโลกสัญชาติไต้หวัน ย้ายฐานการผลิต พบว่าท้องถิ่นและสหภาพแรงงาน (ที่รัฐควบคุม) ของจีนยังไม่พร้อมรับมือกับการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ ทำให้แรงงานไร้การคุ้มครอง

Summary

  • Pou Chen บริษัทซัพพลายเออร์รองเท้าอันดับ 1 ของโลกสัญชาติไต้หวัน เคยมีพนักงานกว่า 31,000 คน ทั้งในจีนและประเทศอื่น ๆ เอเชีย (เมื่อปี 2022)
  • China Labour Bulletin (CLB) รายงานว่าบริษัทในเครือของพวกเขา คือ Yangzhou Baoyi พนักงานได้ทำการประท้วงเมื่อมีการปิดกิจการอย่างกะทันหัน เนื่องจากบริษัทได้ย้ายห่วงโซ่อุปทานจากประเทศจีนไปยังภูมิภาคอื่น 
  • CLB ได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการของทางการท้องถิ่นและสหภาพแรงงานจีน พบว่าท้องถิ่นและสหภาพแรงงาน (ที่รัฐควบคุม) ของจีนยังไม่พร้อมรับมือกับการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ ทำให้แรงงานไร้การคุ้มครอง

China Labour Bulletin (CLB) สื่อที่ติดตามประเด็นแรงงานในประเทศจีน รายงานเมื่อช่วงเดือน มี.ค. 2024 ว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Pou Chen บริษัทผลิตรองเท้าของไต้หวันประกาศปิดโรงงานอย่างกะทันหัน สร้างความโกลาหลให้กับคนทำงานในจีน Pou Chen เป็นผู้ผลิตรองเท้าที่ใหญ่ที่สุด พวกเขารับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ระดับโลก เช่น Nike, Adidas, Asics, New Balance, Timberland และ Salomon ขณะที่บริษัทย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน การประท้วงในโรงงานของพวกเขาได้ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา

ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2020 เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในหยางซิน หูเป่ย์กำลังเตรียมความพร้อมให้พวกเขากลับมาเปิดโรงงานอีกครั้ง แต่กลับพบว่า Pou Chen ได้ประกาศปิดโรงงาน Pou Chen เคยจ้างงานพนักงานมากกว่า 10,000 คน ในหยางซิน หูเป่ย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตรองเท้าและมีถนนที่ตั้งชื่อตามบริษัท ในสมุดบันทึกของเจ้าหน้าท้องถิ่นที่มีไทม์ไลน์สั้น ๆ ที่บันทึกวิธีการปิดโรงงานของ Pou Chen:

  • วันที่ 27 ก.พ. 2020 Pou Chen วางแผนที่จะกลับมาผลิตหลังจากเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
  • วันที่ 16 มี.ค. 2020 เรา [เจ้าหน้าท้องถิ่น] ได้เจรจาหน้าต่อหน้ากับ Pou Chen รวมถึงช่วยให้ผู้จัดการชาวไต้หวันกลับเข้ามาในประเทศจีน
  • วันที่ 24 มี.ค. 2020 เราตรวจสอบขั้นตอนการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค กำหนดวันที่ 8 เม.ย. 2020 เป็นวันที่จะกลับมาผลิต
  • วันที่ 26 มี.ค. 2020 เราได้รับแจ้งว่าโรงงานหยางซินจะถูกปิด
  • วันที่ 31 มี.ค. 2020 Pou Chen ออกประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการปิดโรงงานและการเลิกจ้างพนักงาน

3 ปีต่อมา Pou Chen ประกาศปิดโรงงาน Baoyi ในหยางโจว มณฑลเจียงซู - คราวนี้มีโรงงาน 2 แห่งที่จะปิดภายในหนึ่งเดือน วันที่ 14 พ.ย. 2023 โรงงาน Baoyi รายงานการปิดโรงงานหลังจากเปิดดำเนินการได้เพียง 4 ปี โรงงานหลักตามมาประกาศปิดในวันที่ 29 พ.ย. 2023 การนัดหยุดงานประท้วงของพนักงานเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้บริหารระบุว่าจำนวนเงินชดเชยการเลิกจ้างจะถูกเปิดเผยในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2023 ทำให้ต้องมีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นใน 2 วันต่อมา ในที่สุด บริษัทได้ออกประกาศเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานและสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย มีพนักงานมากกว่าพันคนถูกเลิกจ้าง


การนัดหยุดงานประท้วงของคนทำงานที่โรงงาน Baoyi เมื่อช่วงปลายปี 2023

Pou Chen สามารถปิดโรงงานได้สำเร็จด้วยการแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 เดือน ส่งผลให้คนทำงานที่ตกงานจำนวนมากต้องกลับภูมิลำเนา เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นรู้สึกสับสนเนื่องจาก Pou Chen ปิดโรงงานอย่างกะทันหัน พวกเขายังคงต้องแก้ไขปัญหาระบบ รวมถึงรับมือกับการประท้วงของเหล่าพนักงาน บทบาทของท้องถิ่นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกลายเป็น "รักษาเสถียรภาพ" ในขณะที่ Pou Chen มีอิสระที่จะเข้ามาและออกไปตามต้องการ

รายงานชิ้นนี้ CLB จะเน้นไปที่การดำเนินการของหน่วยงานรัฐบาลโดยเฉพาะท้องถิ่นและสหภาพแรงงาน ในกรณีการย้ายโรงงานนี้ ต่างจากความเชื่อที่ว่า "รัฐบาลจีนสมคบคิดกับโรงงานเพื่อเอาเปรียบแรงงาน" เจ้าหน้าที่รัฐบาลของท้องถิ่นมักไม่ทราบแผนการของโรงงาน และถูกบังคับให้รับมือกับผลที่ตามมา โดยที่คนทำงานสูญเสียงานและได้รับเงินชดเชยการเลิกจ้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน

ท้องถิ่นและสหภาพแรงงานของจีนยังไม่พร้อมรับมือกับการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ ทำให้แรงงานไร้การคุ้มครอง

เมื่อปี 2022 การลงทุนจากบริษัทไต้หวันไปยังเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าสูงกว่าการลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรก ในปี 2023 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีน เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 การเปลี่ยนแปลงของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ นำไปสู่คลื่นการปิดและย้ายโรงงานในอีก 1 ปีต่อมา ข้อมูลจาก Strike Map ของ CLB พบว่ากรณีประท้วงในภาคการผลิตจำนวน 438 กรณีในปี 2023 มี 171 กรณีที่เกี่ยวข้องกับการปิดหรือย้ายโรงงาน

คนทำงานมักถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหัน กรณีโรงงาน Baoyi ที่กล่าวถึงข้างต้น มีการแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 เดือน เมื่อรู้ว่ามีเวลาน้อยในการเรียกร้องเงินที่ค้างจ่ายและให้บริษัทตอบสนอง คนทำงานชาวจีนมักใช้การหยุดงานประท้วงเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง 

หลังจากเกิดการประท้วง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น (และบางครั้งก็มีสหภาพแรงงานเข้าร่วมด้วย) จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยระหว่างคนทำงานกับฝ่ายบริหารของบริษัท โดยทั่วไป ฝ่ายรัฐมักวางตัวเป็นกลาง มุ่งเน้นไปที่ "รักษาเสถียรภาพทางสังคม" แม้ว่าพวกเขาอาจกดดันให้บริษัทตอบสนองข้อเรียกร้องบางอย่างของพนักงาน แต่พวกเขาก็ยังกดดันให้พนักงานยอมรับข้อเสนอและยุติการประท้วงด้วยเช่นกัน ค่าชดเชยของพนักงานมักต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

พนักงานโรงงาน Baoyi เจรจากับฝ่ายบริหาร

การสืบสวนของ CLB ชี้ให้เห็นว่า แม้ข้อมูลต่าง ๆ ชี้ชัดว่าบริษัท Pou Chen มีแผนการย้ายฐานออกจากจีนมานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังคงทำงานตามปกติ  ซึ่งหากพวกเขาตระหนักถึงแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตและดำเนินมาตรการป้องกัน ก็อาจช่วยคุ้มครองสิทธิแรงงานและลดความขัดแย้งด้านแรงงานได้

ในกรณีของโรงงาน Baoyi บริษัท Pou Chen เริ่มย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียใต้มาเป็นเวลานานแล้ว โดยสัดส่วนการผลิตในจีนลดลงเหลือต่ำกว่า 25% ตั้งแต่ปี 2016 แต่ในปีเดียวกันนั้น ท้องถิ่นกลับมอบรางวัล “นายจ้างดีเด่น” ให้กับโรงงานแห่งนี้ ซึ่งในขณะนั้นมีพนักงานประมาณ 3,000 คน

ในเดือน พ.ค. 2023 ซึ่งเป็นช่วงครึ่งปี ก่อนการปิดโรงงาน บริษัท Pou Chen ได้เผยแพร่รายงานประจำปี 2022 ชี้ว่า สัดส่วนการจัดส่งสินค้าจากโรงงานในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงเหลือเพียง 10% (ลดลง 2% จากปีก่อน) ข้อมูลนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับท้องถิ่นเมืองหยางโจว เนื่องจากโรงงาน Baoyi มีพนักงานหลักพันคน และโรงงานอื่น ๆ ของ Pou Chen ในจีนก็ทยอยปิดตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทั้งท้องถิ่นและสหภาพแรงงาน ยังคงปฏิบัติต่อ Baoyi เหมือนเดิม ในเดือนเดียวกันนั้น สหพันธ์สหภาพแรงงานเทศบาลนครหยางโจว ยังช่วยโรงงาน Baoyi เผยแพร่ประกาศรับสมัครงานผ่านบัญชีทางการของสหพันธ์ฯ

จาง เสี่ยวจุน (Zhang Xiaojun) รองผู้อำนวยการสำนักงานสรรพากร เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีหยางโจว เดินทางไปยังโรงงาน  Baoyi ในเดือน พ.ค. 2023 เช่นกัน ระหว่างการเยี่ยมชม นายจาง "ได้หารือกับฝ่ายบริหารของบริษัท เยี่ยมชมกระบวนการผลิตและเรียนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานของบริษัท" ในฐานะ “แรงงานดีเด่น” ของมณฑลเจียงซู 

ซึ่งถ้าหากเขาพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า Pou Chen กำลังย้ายฐานออกจากจีน และสอบถามเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของโรงงานในหยางโจว เขาน่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหตุผลหรือปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินงานของโรงงาน ในกรณีนั้น ไม่ว่าจะเป็นสหภาพแรงงานประจำเขตหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล ต่างก็สามารถเตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้ 6 เดือน ก่อนการย้ายฐานการผลิตของโรงงานได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการศึกษากลยุทธ์ในอนาคตของโรงงาน Baoyi

สหภาพแรงงานไร้บทบาทในกรณีโรงงาน Baoyi ปิดกิจการ

หากสหภาพแรงงานได้ตรวจสอบสภาพการทำงานของพนักงานในบริษัท Pou Chen และสอบถามเกี่ยวกับแผนการของบริษัท พวกเขาก็จะพร้อมที่จะปกป้องสิทธิของพนักงานด้วย

สหภาพแรงงานทุกระดับในหยางโจวและมณฑลเจียงซู มีความเคลื่อนไหวเชิงรุกก่อนที่โรงงาน Baoyi จะประกาศปิดกิจการในเดือน พ.ย. 2023 ตัวอย่างเช่น รองประธานสหภาพแรงงานประจำมณฑลเจียงซู เป็นประธานการประชุมที่หยางโจว ในวันที่ 10 พ.ย. 2023 โดยเรียกร้องให้สหภาพแรงงาน "รักษาเสถียรภาพการจ้างงานและสร้างความสัมพันธ์ด้านแรงงานที่กลมกลืน"  สหพันธ์สหภาพแรงงานเทศบาลนครหยางโจว ดำเนินการต่อเนื่องในวันที่ 14 พ.ย. 2023 ด้วยการเปิดการเจรจาต่อรองแบบรวม สำหรับฤดูหนาว ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 130 คน รวมถึงตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ 2 วันต่อมา มีการประชุมสหภาพแรงงานอีกครั้งในหยางโจว โดยเน้นย้ำว่า "ประสบการณ์ของหยางโจว" ควรเผยแพร่ควบคู่ไปกับสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าระดับสูง

อย่างไรก็ตามเมื่อ CLB โทรศัพท์ไปยังสหภาพแรงงานหลายระดับในหยางโจว หลังจากพนักงานของ Baoyi ประกาศหยุดงานประท้วง พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ให้การสนับสนุนพนักงาน สหภาพแรงงานประจำเขตเศรษฐกิจพิเศษหยางโจว ปฏิเสธว่าไม่มีการประท้วงและวางสาย ส่วนสหพันธ์สหภาพแรงงานเทศบาลนครหยางโจว ไม่ทราบเรื่องการประท้วง และไม่รู้เรื่องการเจรจาเช่นกัน

CLB ไม่สามารถติดต่อสหภาพแรงงานประจำโรงงานของ Baoyi ได้ แต่ข้อมูลสาธารณะและแฟ้มคดีความ สามารถช่วยให้ทราบถึงทัศนคติของพวกเขาต่อพนักงาน

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2012 สหภาพแรงงานประจำโรงงาน Baoyi เคยปรากฏตัวในคดีความหลายคดี โดยเฉพาะคดีความที่พนักงานฟ้องบริษัท ตัวอย่างเช่น ในคดีความปี 2014 สหภาพแรงงานประจำโรงงาน ดูเหมือนจะสนับสนุนบริษัทในการไล่พนักงานออก  บริษัทถูกฟ้องร้องโดยพนักงานข้อหาเลิกจ้างสัญญาการจ้างงานโดยผิดกฎหมาย แต่บริษัทอ้างว่า การเลิกจ้างเกิดขึ้นหลังจากการประชุม "โดยได้รับการตรวจสอบและยินยอมจากสหภาพแรงงาน" บริษัทได้ยื่นหลักฐานต่อศาลว่า "สหภาพแรงงานเห็นด้วยกับการตัดสินใจของบริษัท" และปฏิเสธที่จะจ่ายค่าชดเชย

ในอีกคดีหนึ่งเมื่อปี 2018 พนักงานอาวุโสคนหนึ่งรู้สึกว่า เขาถูกตอบโต้หลังจากที่เขาทำ "รายงานข้อเสนอแนะต่อบริษัท" และถูกหัวหน้างานตักเตือน บริษัทสงสัยว่าพนักงานคนนี้วางแผนที่จะยุติการทำงาน บริษัททำงานร่วมกับตำรวจท้องถิ่นเพื่อห้ามปรามเขา และสุดท้ายก็ไล่พนักงานคนนี้ออก บริษัทอ้างถึงการอนุมัติจากสหภาพแรงงานด้วย ศาลตัดสินว่า พนักงานจะไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ โดยระบุว่าเขาควรรายงานการกระทำผิดของบริษัทต่อสหภาพแรงงานประจำโรงงาน

คดีความเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า สหภาพแรงงานประจำโรงงาน Baoyi ไม่ได้ให้การสนับสนุนพนักงาน แทนที่จะเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของพนักงาน พวกเขาดูเหมือนจะเห็นด้วยกับบริษัทในการไล่พนักงานออกเสียมากกว่า

กรณีของโรงงาน Baoyi สะท้อนถึงวงจรอุบาทว์

CLB ชี้ว่าหน่วยงานท้องถิ่นและสหภาพแรงงานยึดติดกับการทำงานตามกิจวัตร ประกอบกับความไม่พร้อมรับมือเมื่อบริษัทต่าง ๆ ย้ายฐานการผลิตและละเมิดสิทธิแรงงาน พนักงานต้องหยุดงานประท้วงเมื่อพบว่าสิทธิของตนเองถูกละเมิด แต่สุดท้ายรัฐบาลท้องถิ่นก็เพียงดำเนินการแค่ "รักษาเสถียรภาพ" สุดท้ายแล้ว บริษัทได้รับการปกป้องและสามารถย้ายออกไปได้ พนักงานสูญเสียงาน ท้องถิ่นและสหภาพแรงงานท้องถิ่นสูญเสียความไว้วางใจจากพนักงาน โอกาสที่จะป้องกันหรือจัดการสถานการณ์ได้ดีกว่านี้มีอยู่ แต่ก็ถูกละเลยไป เช่น หากท้องถิ่นรักษาบทบาทของบุคคลภายนอกไว้และหากสหภาพแรงงานปฏิบัติหน้าที่ตัวแทนอย่างแท้จริงของพนักงาน

แม้ว่าบริษัทจะมีอิสระในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อพนักงานและการจ้างงานในท้องถิ่น กรณีที่พนักงานจีนขาดตัวแทน สหภาพแรงงานควรเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยให้พวกเขาเปล่งเสียงแสดงความกังวล นอกจากนี้ ท้องถิ่นควรสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกและโต้ตอบกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานการผลิตดำเนินงานอย่างราบรื่น รวมถึงรับประกันว่าพนักงานมีรายได้เพียงพอและคุณภาพชีวิตที่น่าพอใจในเมือง

นอกจากนี้ CLB เห็นว่าโรงงาน บริษัทแม่ และแบรนด์ปลายน้ำ ควรมีบทบาทในการสร้างประกันการยุติความสัมพันธ์อย่างรับผิดชอบ โดยโรงงานและบริษัทแม่ ควรประกาศการย้ายฐานหรือปิดกิจการโดยตรงกับพนักงาน แทนที่จะเพียงแค่โพสต์บนเว็บไซต์หรือแจ้งนักลงทุน และการประกาศดังกล่าว ควรกำหนดเวลาสำหรับการจัดหางานใหม่ คำนวณค่าชดเชย และดำเนินการกับการชำระเงินชดเชยที่เป็นธรรม 

วิธีการเช่นนี้จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรับผิดชอบตามกฎหมาย และจะทำให้พนักงานมีเวลามากพอที่จะแสดงความกังวลผ่านการเจรจา ซึ่งอาจได้รับการอำนวยความสะดวกโดยสหภาพแรงงาน หากโรงงานไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายได้เนื่องจากทรัพย์สินไม่เพียงพอ โรงงานดังกล่าวควรขอความช่วยเหลือจากบริษัทแม่และแบรนด์ปลายน้ำ นอกจากนี้ บริษัทแม่และแบรนด์ปลายน้ำ ควรติดตามโรงงานผู้ผลิตเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่นและมาตรฐานแรงงานสากล


ที่มา:
The retreat of the world's top shoe-making empire from China exposes the ineffectiveness of local governments and trade unions (China Labour Bulletin, 8 March 2024)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net