Skip to main content
sharethis

วงเสวนาผู้ผลิตสุรารายย่อย ย้ำต้องแก้กฎหมายทลายการผูกขาด-ห้ามโฆษณา เปิดช่องรายย่อยเกิดใหม่-แข่งขันสร้างนวัตกรรม งงรัฐบาลยกซอฟต์พาวเวอร์แต่ไม่เคยพูดถึงสุราคนไทย หวังเพื่อไทยคงจุดยืนเดิมโหวตให้ 'สุราก้าวหน้า' อีกรอบ

ทีมสื่อคณะก้าวหน้า แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2566 ที่ตลาดนัดเดอะวัน รัชดา วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมวงเสวนาภายในงาน “ก้าวไปกับคนรักเหล้าเบียร์ ครั้งที่ 1” ที่จัดร่วมกันโดยสมาคมสุราท้องถิ่นไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟต์เบียร์ และบริษัท ส้มจี๊ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยมีการพูดคุยถึงอนาคตอุตสาหกรรมสุราของผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศไทย

วีระยุทธกล่าวถึงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมสุราไทยที่กดทับและกีดกันผู้ผลิตรายย่อย โดยนอกจากจะต้องเผชิญกับกำแพงหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตที่ยากซับซ้อนและต้องลงทุนสูงแล้ว ยังมีอุปสรรคด้านการจำกัดการโฆษณา ซึ่งที่ผ่านมาเป็นคุณกับผู้ผลิตรายใหญ่มากกว่า กล่าวคือ บริษัทผู้ผลิตสุรารายใหญ่ยังสามารถโฆษณาตราสินค้าของตนผ่านผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทที่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ทั้งสองอุปสรรคข้างต้นทำให้ผู้ผลิตสุรารายใหม่เกิดขึ้นได้ยากในตลาด จนทำให้บริษัทใหญ่กลายเป็นเสือนอนกินที่ไม่ต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ

วีระยุทธยกตัวอย่างกรณีศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ในญี่ปุ่นแม้จะมีจำนวนไม่มากเช่นเดียวกับไทย แต่กลับมีการแข่งขันทางนวัตกรรมที่มากกว่า เช่นในกรณีของอาซาฮีที่แม้จะเกิดขึ้นหลังบริษัทอื่น แต่ก็สามารถทะยานขึ้นมาแข่งขันกับรายอื่นได้จากการทำเบียร์ซุปเปอร์ดราย โดยอาศัยเทคโนโลยีเชิงโพรเซส จนกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่ขึ้นมา

ดังนั้น โจทย์หลักของรัฐบาลคือจะทำอย่างไรให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น จะทำอย่างไรให้มีการพัฒนานวัตกรรมในวงการผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ จนเกิดการแข่งขันที่ยกระดับทั้งวงการได้ นี่จึงเป็นเป้าหมายหลักที่พรรคก้าวไกลเสนอกฎหมายสุราก้าหน้า เพื่อปลดล็อกอุปสรรคของผู้ผลิตสุรารายย่อย และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในตลาดมากขึ้น

ขณะที่พรรณิการ์ระบุว่า ที่ผ่านมาสังคมมักพูดถึงปัญหาด้านข้อกฎหมายที่กีดกันผู้ผลิตสุรารายย่อย แต่เมื่อลองมาดูตัวเลขการผูกขาดที่เกิดจากข้อกฎหมายดังกล่าวก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ากลัว กล่าวคือ ในอุตสาหกรรมเบียร์ รายหนึ่งคือบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ครองตลาดอยู่ที่ร้อยละ 57 ขณะที่บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ครองตลาดอยู่ที่ร้อยละ 34 ซึ่งเมื่อรวมสองบริษัทนี้ก็ครองเกือบทั้งตลาดแล้ว

นี่คือตัวอย่างของการที่เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจที่ไม่ต้องมีโนฮาว แค่มีโนฮูก็พอ เป็นการติดกับดักประเทศที่กลุ่มทุนใหญ่มาจากคนที่แค่รู้จักเจ้าใหญ่นายโตแล้วได้สัมปทานมา ไม่ใช่ประเทศที่คนต้องแข่งขันกันด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ และนี่คือสาเหตุที่ทำไมประเทศไทยถึงเป็นได้เพียงประเทศรายได้ปานกลางและยังไม่ไปไหน

พรรณิการ์กล่าวต่อไปว่า จากการวิจัยระหว่างปี 2012-2021 ว่าบริษัทที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวทางในการเพิ่มรายได้ให้บริษัทอย่างไร จะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่ 50 อันดับต้นของเอเชียส่วนใหญ่ใช้วิธีการคล้ายกัน คือการออกไปหาตลาดในต่างประเทศ เหมือนกับกรณีของอาซาฮี ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการเพิ่มรายได้ด้วยการเจาะตลาดต่างประเทศ โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอาซาฮีมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 551 จากการเจาะตลาดนอกประเทศ

หันกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไทยเบฟฯ ประกาศจะลงทุน 7 พันล้านบาทเพื่อขยายกิจการ ส่วนหนึ่งคือการเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน นั่นหมายความว่าบริษัทใหญ่ของประเทศไทยก็ตระหนักดีถึงโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ แต่ปัญหาคือบริษัทใหญ่เหล่านี้กลับไม่ปล่อยตลาดภายในประเทศให้มีการแข่งขัน ดังนั้น โจทย์คือจะทำอย่างไรให้บริษัทใหญ่ของไทยออกไปเป็นผู้นำในระดับโลกได้ โดยยอมให้ตลาดในประเทศมีการแข่งขัน

พรรณิการ์ยังกล่าวถึงนโยบายรัฐบาลที่เกี่ยวกับสุรา โดยระบุว่า ตนแปลกใจที่รัฐบาลยกนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมาแต่กลับไม่มีแม้แต่คำเดียวที่พูดถึงสุรา กรรมการซอฟต์พาวเวอร์มีอนุกรรมการว่าด้วยอาหารอยู่แล้ว ตนอยากให้ผู้ที่รู้สึกว่าไม่อยากส่งเสริมกิจการสุรารายย่อย ลองถามตัวเองดูว่าที่ประเทศไม่เจริญเพราะคนกินเหล้าเบียร์ หรือเพราะการมีเศรษฐกิจผูกขาดและนโยบายที่เอาใจเจ้าสัวกันแน่ ถ้าจะทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์จริงก็ขอให้มองเห็นศักยภาพของผู้ผลิตเหล้าเบียร์ไทยด้วย สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้ไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารการกินที่ดีที่สุดในโลกได้

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปที่การผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าในสภาสมัยที่แล้ว จะเห็นว่าวันนั้นขาดเพียงสองเสียงกฎหมายก็จะผ่านแล้ว แต่วันนี้จำนวนเสียงในสภาเปลี่ยนไป ลำพังเพียงแค่สองพรรคคือก้าวไกลและเพื่อไทยที่วันนั้นลงมติไปในทางเดียวกัน ได้โอกาสลงมติเรื่องนี้อีกครั้ง กฎหมายสุราก้าวหน้าย่อมผ่านในรอบนี้แน่นอน ซึ่งตนก็หวังว่าในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ประชาชนต้องผิดหวัง

“สุราก้าวหน้าคราวก่อนขาดไปสองเสียง ตอนนี้ลำพังแค่สองพรรค ก้าวไกล เพื่อไทย ที่รณรงค์เรื่องเดียวกันมา หากยกมือให้ครบผ่านแน่ ถ้าเพื่อไทยภูมิใจกับการเป็นผู้ให้กำเนิดสุราชุมชน วันนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคเพื่อไทยจะไม่โหวตให้สุราก้าวหน้า ไม่มีเหตุผลที่สุราก้าวหน้าจะไม่ผ่าน ขอสักครั้งอย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง” พรรณิการ์กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net