ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนคนขับแท็กซี่ โดย ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2023 ญี่ปุ่นมีคนขับแท็กซี่จำนวน 230,000 คน ลดลงประมาณ 20% นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2019

ที่มาภาพ: Hikosaemon (CC BY 2.0)

ในประเทศญี่ปุ่น การกลับสู่ภาวะปกติหลังจากโควิด-19 ทำให้ข้อจำกัดด้านการเดินทางผ่อนคลายลง และความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนคนขับแท็กซี่อย่างรุนแรง

Teikoku Databank ได้ทำการสำรวจจำนวนพนักงานในธุรกิจแท็กซี่และรถเช่าจำนวน 2,428 แห่ง และพบว่ามี "จำนวนลดลง" ถึง 1,691 บริษัท (69.7%) เมื่อเทียบกับปี 2013 ในจำนวนนี้ 352 บริษัท (14.5%) พบว่าจำนวนพนักงานลดลง "มากกว่า 50%" นับตั้งแต่ปี 2013

เมื่อแบ่งตามจังหวัด ในบรรดาบริษัทที่มีจำนวนพนักงานลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง จังหวัดอิบารากิ มีสัดส่วนสูงสุดที่ 29.2% รองลงมาคือคากาวะ 29.0% และนาระ 25.0% แม้แต่บริษัทที่ให้บริการในเขตเมือง ซึ่งปกติจะมีความต้องการแท็กซี่สูง ก็ประสบปัญหาการลดลงของพนักงานอย่างรุนแรงเช่นกัน เช่น 17.1% ในไซตามะและ 16.9% ในโอซากา

ในปีงบประมาณ 2020 เมื่อการระบาดใหญ่ของ COVID-19 เริ่มต้นขึ้น บริษัทแท็กซี่มากกว่า 80% ต้องเผชิญการขาดทุน แต่ภายในปีงบประมาณ 2022 ลดลงเหลือ 46.7% การฟื้นตัวของความต้องการล่าสุดมาพร้อมกับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมอื่นๆ ของบริษัทแท็กซี่ เช่น การเพิ่มเพดานอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่กลับไม่มีการเพิ่มค่าจ้าง ดังนั้น "พนักงานขับแท็กซี่จึงย้ายไปทำงานในบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือต่างอุตสาหกรรม" และ "คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ก็ไม่มาสมัครงานเป็นคนขับแท็กซี่" การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคส่วนนี้จึงเป็นเรื่องยาก

มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการยกเลิกข้อห้ามการแชร์การเดินทางแบบชำระเงิน ซึ่งคนขับทั่วไปสามารถใช้รถส่วนตัวของตนเพื่อให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้ มีผู้คนภายในอุตสาหกรรมแท็กซี่แสดงความกังวลว่า "การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจะทำให้พนักงานออกงานมากขึ้น" รวมทั้ง "มีปัญหาหลายประการเกี่ยวกับการรับรองความปลอดภัย"

ที่มา:
Japan’s Taxi Industry Suffering from a Lack of Drivers (nippon.com, 15 November 2023)