13 ก.ย. 2566 ยูทูบ "TP Channel" ถ่ายทอดสดออนไลน์วานนี้ (12 ก.ย.) ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เป็นวันที่ 2 โดยมีวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม 

สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อภิปรายว่า ฟังการอภิปรายมา 2 วันติดต่อกัน มีข้อวิจารณ์เรื่องการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีไม่ครอบคลุม นโยบายกว้างๆ ไม่มีตัวชี้วัด หาเสียงไว้แต่ไม่มีเขียนในคำแถลง ซึ่งสุทิน ยอมรับว่าเป็นการเขียนในภาพกว้าง แต่อยากให้เล็งไปที่นโยบายกระทรวง หรือกระทั่งกรม ตรงนั้นจะชัดเจนขึ้น และเชื่อว่าครอบคลุม บางนโยบายไม่ได้เขียน แต่ทราบว่าสังคมต้องการอะไร ก็พิจารณาทำ

สำหรับกระทรวงกลาโหม หลายคนติดใจพูดว่าปฏิรูป แต่ทำไมร่วมพัฒนา สุทิน มองว่า ปฏิรูปและพัฒนาความหมายเหมือนกันคือ ‘ทำให้ดีขึ้น’ แต่ทำไมไม่ใช้คำว่าปฏิรูป ขอกราบเรียนว่า การจะทำงานหวังเป้าหมายให้สำเร็จ ส่วนวิธีการเราคิดว่าก็ยืดหยุ่น และปรับตามสภาพบริบท ณ วันนี้ การปฏิรูป หรือการทำให้ดีขึ้น ทำฝ่ายเดียวคงไม่ได้ การสื่อสารที่ทำให้คนร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าจะสำเร็จ ต่างจากการใช้ภาษาสื่อสารที่เผชิญหน้าท้าทาย ซึ่งเขาเชื่อว่าจะไม่สำเร็จ 

สุทิน ระบุต่อว่า ความต้องการของสังคม และ สส.ทุกคนที่พูด คือเราอยากให้กองทัพของเรา เป็นกองทัพที่ทันสมัย ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไป ไม่เทอะทะ และกระทัดรัด

ทันสมัยด้วยภารกิจ ซึ่งต้องจูนกันใหม่ เพราะว่ากระทรวงต้องให้ความสำคัญเรื่องปากท้อง และประชาชน ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีทางยุทธการและทางบริหาร สิ่งที่ต้องทำคือทำให้กองทัพทันสมัยกระชับเข้มแข็งและก็ทันสมัย และที่สำคัญที่สุดก็คือภารกิจถูกต้อง 

ส่วนที่ทุกท่านวิจารณ์ว่ากองทัพไม่ดี หรือล้าหลังมีอะไรบ้าง เราก็เอาโจทย์นั้นมาทำ สิ่งแรกที่สุดคือกองทัพเทอะทะ ต้องปรับโครงสร้าง เรื่องปรับลดกำลังพล “ทำแน่นอน” ภายใน 4 ปี เชื่อว่าจะเห็นกองทัพเล็กลง และเล็กตามสถานการณ์ที่ไม่กระทบกับศักยภาพ ปี 2570 จะลดลงเป็นจำนวนมาก 

วันนี้นักเรียนเตรียมทหารที่เข้ามาใหม่ ที่โรงเรียนเตรียมทหารเปิดรับ และที่จะเกษียณออกไป มันมีสัดส่วนสัมพันธ์กันอย่างไร วันนี้คนเป็นนักเรียนเตรียมทหารน้อยลง โรงเรียนเตรียมทหารที่เคยรับมากๆ เคยรับรุ่นหนึ่ง 300-500 คน เดี๋ยวนี้รับรุ่นหนึ่ง 150-200 คน แสดงว่าคนที่จะมาเป็นนายพลน้อยลง และปี 2570 จะเกษียณล็อตใหญ่ แต่รับเข้ามาน้อยลงๆ เข้าน้อย เกษียณออกเยอะ กำลังพลกำลังจะลดลง

"ผมมีมาตรการจะไปกำกับและสนับสนุนให้เป็นไปตามนั้น ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน 10 ปี ท่านจะเห็นกองทัพมีบุคลากรน้อยลงโดยเฉพาะนายพล" สุทิน ระบุ 

สุทิน ระบุต่อว่า ข้อเสนอที่ต้องการให้กองทัพต้องไม่แทรกแซงการเมืองนั้น ต่อไปกองทัพจะต้องออกมามีบทบาทในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาชุมชน และพัฒนาสังคม จะเห็นทหารออกมาช่วยแก้ภัยพิบัติ ภารกิจที่ทำกับประชาชนจะต้องมากขึ้น ความมั่นคงด้านความยากจนทหารต้องเข้ามีบทบาท เราจะเห็นทหารออกมาปราบยาเสพติดมากขึ้น เราจะเห็นทหารออกมาใกล้ชิดกับประชาชน 

"เราจะเห็นทหารออกมาใกล้ชิดกับประชาชน เพราะฉะนั้น หลายท่านที่บอกว่า เขตทหารห้ามเข้า เขตทหารห้ามแตะ รัฐบาลกลัวทหารรึเปล่า ถึงไม่กล้าใช้คำนั้นคำนี้ ทำไมท่านไม่คิดว่าเขตทหาร มีพลเรือนเข้าไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้น ถ้ามีรัฐมนตรีพลเรือนอย่างผม ผมเชื่อว่าระยะห่างระหว่างกองทัพ และประชาชน จะใกล้ชิดขึ้น ความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างกองทัพกับประชาชนจะดีขึ้น เราจะได้ความร่วมมือที่ทำให้กองทัพดีขึ้น ประชาชนดีขึ้น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุ

ภารกิจต่อไป สุทิน มองว่าสำคัญที่สุดคือกองทัพทันสมัย เบื้องต้นได้ให้การบ้านกองทัพ หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว ต่อไปนี้กองทัพจะต้องเป็นกองทัพที่นำเทคโนโลยีทั้งยุทธการ ทั้งการบริหาร การบริหารกองทัพจะต้องเป็น E-office กองทัพต้องมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตอนนี้ผมให้ทุกคนศึกษาไปถึงกองทัพไซเบอร์ ถ้ายังไม่พร้อม ก็ต้องอัพไซเบอร์เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ กองทัพต้องทันสมัย

สุทิน พูดถึงงบฯ ลับ ตรวจสอบไม่ได้ พูดถึงการทุจริต อยากให้ไปดูในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลพูดไว้ชัดเจน ต่อไปนี้เราจะตรวจสอบและมีระบบจัดซื้อจัดจ้าง เราจะขจัดการทุจริตให้หมด หรือให้น้อยที่สุดในกองทัพ รายละเอียดปลีกย่อยทั้งเรือดำน้ำ หรือเรือฟริเกต จะอยู่ภายใต้นโยบายนี้

สุทิน ระบุต่อว่า กรณีทหารเกณฑ์ที่พูดกันมาก อยากให้หยุดการเกณฑ์ทหาร 4 ปีต่อไปนี้จะเห็นการเกณฑ์ทหารลดลง จนเกือบจะไม่มีเกณฑ์ทหาร ส่วนที่มีคนกังวลใจว่า สุทิน จะถูกหลอกไหม ท่านสามารถมายื่นกระทู้ญัติที่สภาฯ แม้แต่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ   

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หลายท่านถามว่าทำไมไม่บอกว่าหยุดเกณฑ์เลย ทำไมต้องบอกว่าสมัครใจ ไม่ออกกฎหมายงดเกณฑ์ทหารเลย เนื่องจากติดข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า คนไทยอายุ 21 ปีบริบูรณ์ ต้องเข้าเกณฑ์ทหาร หมายความว่า ทุกคนจะเป็นทหารได้ มันต้องมีกลไกในการเอาเขาเข้าไปเป็น ที่ทำวันนี้คือมี 1. ระบบการสอบ 2. สมัครเข้าไปเป็น และ 3. ต้องเกณฑ์มาเป็น ถ้าเราไปปิดกั้นตรงนี้ต้องปิดการเกณฑ์ทหาร 100% ขัดรัฐธรรมนูญข้อนี้ 

สุทิน คลังแสง ชี้ว่าหลายประเทศในยุโรปที่เจริญแล้วไปหยุดหรือไปงดการเกณฑ์ทหารเสีย แต่พอเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน วันนี้ NATO ไปรื้อฟื้นกฎหมายใหม่ ให้กลับมามีการเกณฑ์ทหารใหม่อีกครั้ง เราต้องเปิดช่องทางนี้ไว้ วันนี้หลายคนอาจจะคิดว่าไม่มีสงคราม แต่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน เกิดมีศึกสงครามขึ้นมา ชายไทยไปเรียน ร.ด. เพื่อที่กองทัพต้องการกองหนุน สามารถเรียกมาได้ทุกขณะ ถ้าไปปิดช่องทางนี้ก็จะไม่มีกองหนุนในยามที่ต้องการ ดังนั้น การงดการเกณฑ์ทหารที่ดีที่สุด คือการมีควบคู่ไปจนกว่าจะมีคนสมัครเป็นทหารครบ

เรื่องการจูงใจให้ทหารมาสมัคร กล่าวให้สบายใจว่า 2-4 ปีต่อไปนี้ จะมีคนสมัครมาเป็นทหารเยอะ เราจะปรับสวัสดิการให้มากขึ้น ปรับทัศนคติให้ประชาชนกลัว ทำยังไงให้ไม่มีการซ้อม หรือไม่มีการไปรับใช้ตามบ้าน เป็นนโยบายที่ต้องทำ เพราะจะสอดรับให้ทุกคนอยากมาเป็นทหารสมัครใจให้มากที่สุด ทำได้ไม่ได้ ให้มาตรวจสอบอีกที

"มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปท้าทายกัน ไม่มีประโยชน์อะไรจะไปทำงานให้สะใจ หลายคนอาจจะเป็นห่วง ท่าทีสุทิน ประนีประนอม เราหนักแน่นในเป้าหมาย แต่นุ่มนวลในวิธีการ มันจะดีกว่า เราหนักแน่นในเป้าหมาย ถือธงเดินหน้าบดขยี้กัน ท่านล้มเหลวมาเพราะเหตุนี้ท่านลองดูสิ 

"ขออนุญาตเรียนทุกท่านว่า …หลังจากโปรดเกล้า จากการเดินสายพบ และนายกรัฐมนตรีพาพบ ได้รับสัญญาณที่ดี เป็นที่น่าดีใจ เราเป็นพลเรือน แต่กองทัพให้การต้อนรับให้เกียรติ และก็รับปากทุกภารกิจ ทุกนโยบาย จะถูกหลอกไหม เราก็ดูกันต่อไป สัญญาณที่ดีคือตอบรับ ที่ผมว่ามาทั้งหมดไม่ใช่การปฏิรูป ท่านยังไม่พอใจอันนี้ไม่ใช่ปฏิรูป ก็มาคุยกันว่าให้ทำอะไรอีก" สุทิน กล่าวทิ้งท้าย