Skip to main content
sharethis

‘เศรษฐา’ ลุยถกตัวแทนภาคเอกชน-ธุรกิจ จ.พังงา ย้ำต้องเพิ่มรายได้ผ่านการท่องเที่ยว รับปากให้ความสำคัญ ครม.สัญจร ดันฟรีวีซ่ากับประเทศกลุ่มเป้าหมายเที่ยวไทยระยะยาว

26 ส.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวว่าที่โรงแรม Moracea by Khaolak Resort อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและคณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยวพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจและเอกชนใน จ.พังงา

นายกฤษ ศรีฟ้า อดีตผู้สมัคร สส.พังงา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จ.พังงา มีงบประมาณเรื่องของการจัดการน้ำไว้หลายที่รวมทั้งงบประมาณจัดการน้ำที่เขาหลัก พร้อมทั้งฝากนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นไปได้ให้มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจร เพื่อคืนโอกาสในการพัฒนาต่างๆ ให้กับ จ.พังงาอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นายกสมาคมท่องเที่ยว จ.พังงา ระบุว่า เฉพาะภาคใต้มีการท่องเที่ยวชุมชนอยู่ 800 ชุมชน แต่ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการเข้าถึงตลาด และไม่ได้รับการเข้าถึงโครงการของภาครัฐ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซี่งได้แต่โรงแรมอย่างเดียว แต่ชุมชนไม่ได้ พร้อมขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดที่ช่วยจดทะเบียนการท่องเที่ยวชุมชน

ด้าน ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.พังงา ระบุว่า ในช่วงเดือน ม.ค.จนถึง มิ.ย. 2566 มีตัวเลขรายได้ 6,300 ล้านบาทสำหรับการท่องเที่ยว พร้อมย้ำว่าการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดอันดามันจะสร้างตัวเลขใหม่ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 โดยขยายสนามบิน จ.ภูเก็ต 2 ให้มีศักยภาพและพัฒนาแผนรถไฟ และต้องจัดระเบียบขนส่งในภูเก็ต พังงา กระบี่ ไม่ให้นักท่องเที่ยวถูกเอาเอาเปรียบ หากมีขนส่งสาธารณะจะทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น

ตัวแทนภาคเอกชนยังสะท้อนว่า สถิติการท่องเที่ยว ต.ค.-มิ.ย. 2566 มีรายได้รวม8,000 ล้านบาท ในช่วงโควิด-19 มีนักท่องเที่ยว 4 ล้านคจากประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย จีน รัสเซีย และมีนักท่องเที่ยวชาวไทยสงกรานต์มี 30,000-40,000 คนต่อปี และอยากให้ จ.พังงาเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวผ่าน Thailan Travel Mary Plus(TTM+) 2024

จากนั้นนายเศรษฐา ระบุว่า ตนแปลกใจที่ จ.พังงา ไม่ได้มีนายกรัฐมนตรี มาลงพื้นที่เป็นเวลาหลาย 10 ปี และแม้ จ.พังงา จะไม่มีสส.พรรคเพื่อไทย แต่ตนก็จะมาอีกครั้งสำหรับ จ.ภูเก็ต จ.พังงา เพราะการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งตนจะเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม จ.ภูเก็ต ขณะนี้จีดีพีตกต่ำ ดังนั้น ต้องพึ่งการลดหนี้ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตนไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับ นพ.พรหมินทร์ เคยเป็นเลขาธิการนายกฯ และก็มีว่าที่รัฐมนตรีได้มารับฟังข้อเสนอจากที่นี่ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าถ้าดูการเติบโตเศรษฐกิจของจังหวัดและภูมิภาค ผลตอบแทนน่าจะคุ้ม รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหลังถวายสัตย์ฯ เราจะดูองค์รวมทั้งหมด จะไม่ได้ทำเชิงรุกอย่างเดียว ต้องดูปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมาด้วย ต้องทำควบคู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกเว้นวีซ่าให้จีน อินเดีย ส่วนรัสเซียเป็นตลาดใหญ่ เราจะขยายให้ท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ 90 วัน และคาซัคสถาน ก็จะเปิดตลาดด้วย ส่วนเรื่องท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนั้น ทำให้มีการพักผ่อนระยะยาว เชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาแน่นอน โดยรัฐบาลจะให้ความสำคัญพัฒนาส่วนนี้ด้วย ส่วนอีวีบัส (รถเมล์ไฟฟ้า) ก็สามารถทำได้เลย

“เรื่อง ครม.สัญจร ก็เป็นเรื่องสำคัญกับจังหวัดนั้น การมาคณะเล็กอาจคล่องตัวอาจแยก ครม.เศรษฐกิจ ครม.ความมั่นคง เพื่อความคล่องตัว ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า และจะกลับมาอีกครั้ง” นายเศรษฐา กล่าว

เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขอใช้ผลงานรัฐบาลพิสูจน์ 

ที่โรงแรม Moracea by Khaolak Resort อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจและเอกชนในการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ว่า จากการรับฟังข้อเสนอคล้าย จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะการผลักดันสนามบิน การผลักดันสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการผลักดันสนามบิน จ.พังงา ส่วนการขยายสนามบิน จ.ภูเก็ต จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นก่อนด้วย เพราะเข้าใจว่ามีแผนอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กในเชิงส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนยังไม่ได้อ่านรายละเอียด โดยจะรับไปพิจารณา ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันมาจากรัฐบาลเดิม ก็จะมีการไปรับฟังงานที่ค้างไว้ โดยเฉพาะงานต่างประเทศที่สามารถสานต่อได้ ส่วนในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีก็ต้องดู ว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์การเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ และบางอย่างจะล็อคยาว 20 ปีก็ต้องดูความเหมาะสมและ สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวใกล้เคียง แต่ขณะนี้ยังไม่อยากก้าวล่วงคณะเจรจา ซึ่งขณะนี้การเจรจาคืบหน้าไปในทางที่ดี และมีการลงรายละเอียดด้วยว่า อยู่ระหว่างการพูดคุยกัน ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดความถนัดของบุคคลที่จะเข้ามาดูแลกระทรวงนั้นๆ โดยยึดความเจริญของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การจัดสรรอย่างเดียว ซึ่งของพรรคเพื่อไทยเหลืออีกนิดเดียว 2-3 ตำแหน่ง และต้องขอดูรายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร หลังมีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยได้กระทรวงมหาดไทย

เมื่อถามถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้มีชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่ง รมว.มหาดไทยแล้วเปลี่ยนมาชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรมจะเสียใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ และตำแหน่งในกระทรวงใหญ่ๆ มีการพูดคุยกันแล้ว และคิดอย่างดีแล้ว เพราะผู้ใหญ่ในแต่ละพรรคทุกคน ผ่านการดูแลงานมาเยอะเชื่อว่าทุกคนมีความเหมาะสม

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทยซึ่งที่ผ่านมาเคยมีส่วนสำคัญในการเจรจาการค้าในสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะปัจจุบันการค้าโลก ทั้ง FTA การเปิดตลาดใหม่ เพื่อเชิญนักลงทุนเข้ามาในประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งตามความเข้าใจของตัวเองผู้แทนการค้ามี 5 คน และสามารถตั้งประธานได้อีก 1 คน ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสำคัญที่พัฒนาประเทศ โดยจะพิจารณาความเหมาะสมและความสามารถส่วนบุคคลในการแต่งตั้ง ขออย่าบอกว่าเป็นโควตาของพรรคการเมืองไหน แต่ขอให้เอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ขอเอาผลงานเป็นที่ พิสูจน์การทำงานของรัฐบาลนี้รวมถึงกระแสข่าวที่ว่าตนเองจากควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง หรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ขณะนี้ยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจมีปัญหา และรับทราบว่าการคาดหวังของประชาชนสูง แต่ก็เชื่อว่าคนที่ถูกคัดเลือกจะทำหน้าที่พร้อมที่จะทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย และยอมรับว่า เป็นธรรมดาว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการจะต้องร่วมงานกับรัฐมนตรีว่าการ และการนำโจทย์ความลำบากของประชาชนไม่ว่าบุคคลที่จะมาเป็น รัฐมนตรีช่วยไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดจะสามารถคุย และทำงานร่วมกันได้ ไม่อยากตั้งแง่ว่ามาจากพรรคไหน ซึ่งเชื่อว่า 11 พรรคการเมืองที่มาอยู่ด้วยกันวันนี้เชื่อว่าทุกคนเข้าใจถ่องแท้ ถึงความต้องการของประชาชนเข้าใจถึงปัญหา เข้าใจถึงการเดินไปข้างหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยมองว่า เป็นเรื่องสำคัญและเป็นมาตรการหลักของพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันเดินหน้าเต็มตัวแต่ตอนนี้ขอดูรายละเอียดอีกทีก่อน โดยวันจันทร์ที่ 28 ส.ค.และวันอังคารที่ 29 ส.ค.นี้จะได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยรวบรวมข้อมูล และจะจัดทำไทม์ไลน์ หวังว่าในไตรมาส 1 ในปี 2567 จะดำเนินการได้

เมื่อถามว่าข้อมูลข่าวความนิยมของศรีปทุมโพลพบว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลงนายเศรษฐา ระบุว่า ขอให้ผลงานพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งขณะนี้เราทำงานทุกวัน และทุกคนร่วมกันโดยไม่มีความเหน็ดเหนื่อย โดยยอมรับว่าความคาดหวังของคนไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยได้คุยพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนจะเข้าใจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net