Skip to main content
sharethis

ผลสอบ กกต. กรณี พิธา' รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิสมัคร คณะกรรมการไต่สวนฯ เสนอยกคำร้อง เหตุขณะยื่นสมัครไม่พบไอทีวีประกอบกิจการอยู่-มีรายได้ แต่ยังต้องรอลุ้นอนุฯ วินิจฉัยสอบเพิ่ม ขณะที่ 'สฤณี' เปิดงบไตรมาส 2/66 ของบ.อินทัชที่สอบทานแล้ว เผย ‘ไอทีวี’ ปัจจุบันหยุดดำเนินกิจการ 

14 ส.ค.2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่า กรณีที่อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ระบุก่อนหน้านี้ว่า สำนวนการสอบสวน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ม.151 เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ ม. 98 (6) เพราะเหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ถูกส่งมายังชั้นสำนักงาน ซึ่งมีรายงานว่า ผลสอบที่คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการสืบสวนไต่สวนเสร็จสิ้น และได้เสนอความเห็นว่า เห็นควรให้ยกคำร้อง ด้วยเหตุผลว่า การดำเนินการตาม ม.151 เป็นคดีอาญาที่ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน แต่ขณะเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 4-7 เมษายน 2566 ไม่พบว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีการประกอบกิจการอยู่และมีรายได้จากการทำสื่อ

ทั้งนี้ คณะกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนและเสนอรายงานไปยังเลขาธิการ กกต. ซึ่งได้มอบรองเลขาธิการ กกต. ดำเนินการจ่ายสำนวนดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งพิจารณา ตามที่ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด 2563 กำหนด ก่อนที่จะเสนอให้ กกต.วินิจฉัย

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ หลายกรณีเมื่อสอบสวนแล้วไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการไต่สวนฯ โดยเมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ ได้รับสำนวน หากเห็นว่ามีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน มีข้อสงสัย ก็จะดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งในกรณีนี้คาดว่า คณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ จะมีการสอบสวนเพิ่มเติม และแจ้งให้นายพิธาได้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะรอคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องที่ กกต.ยื่นตามรัฐธรรมนูญ ม.82 ขอให้วินิจฉัยสถานะ ส.ส.ของนายพิธา จากเหตุเดียวกัน ก่อนที่จะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นเสนอ กกต.พิจารณา เช่นที่เคยดำเนินการกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เมื่อครั้งถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

สำหรับการดำเนินการตาม ม.151 หากที่สุด กกต.มีมติเห็นว่า ผู้สมัครรายนั้นรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัคร ก็จะให้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนเมื่อดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะส่งเรื่องให้กับอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งที่ผ่านมาในกรณีของนายธนาธร แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายธนาธรมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม.101 แต่เมื่อ กกต.ดำเนินคดีอาญา อัยการกลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดย ม.151 กำหนดไว้ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

'สฤณี' เปิดงบไตรมาส 2/66 ของบ.อินทัชที่สอบทานแล้ว เผย ‘ไอทีวี’ ปัจจุบันหยุดดำเนินกิจการ

ขณะที่ สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปล โพสต์เฟซบุ๊ก “Sarinee Achavanuntakul – สฤณี อาชวานันทกุล” เกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทอินทัช ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไอทีวี ไตรมาส 2/2566 ที่สอบทานแล้ว ระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงิน ไตรมาส 2/2566 ฉบับสอบทานแล้ว ของ บ. INTUCH หรือแม่ของไอทีวี (ครอบคลุมช่วงเวลา 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย. 2566) ที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ยังคงยืนยันชัดเจน ไม่ต่างจากที่เป็นมาตลอดหลายปีนะคะว่า สถานะปัจจุบันของไอทีวี คือ "หยุดดำเนินธุรกิจ"

ดังนั้น ถ้าไม่นับช่วงเวลาสั้นๆ 1-2 ปี เมื่อหลายปีก่อนที่คณะกรรมการไอทีวีมีมติให้จ้างที่ปรึกษาทางการเงิน มาเสนอแผนการลงทุนว่าจะเอาเงิน(ที่ได้จากการกินบุญเก่า หรือการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ) ไปลงทุนซื้อหุ้นในกิจการสื่ออื่นๆ ดีหรือไม่ ระหว่างรอคำตัดสินศาลกรณีพิพาทสัมปทาน (ซึ่งสุดท้ายสรุปว่าแผนนั้นก็พับไป ไม่ได้เอาเงินไปลงทุนในกิจการสื่อ) สถานะของไอทีวีก็คือ "หยุดดำเนินธุรกิจ" ตลอดมา

ในส่วนของเอกสารภายใน เอกสารส่อเท็จต่างๆ นานา ที่สังคมตั้งคำถามตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็คงต้องรอดูการคลี่คลายของคดีความต่างๆ ในชั้นศาลต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net