Skip to main content
sharethis

หลังโควิด-19 ผู้หญิงในสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในอัตราสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่กระนั้นงานที่มีค่าตอบแทนดีจำนวนมากในสาขาต่างๆ ก็ยังคงเป็นของผู้ชายเป็นหลัก

สื่อที่เกาะติดประเด็นท้องถิ่นสหรัฐอเมริกาอย่าง Stateline ภายใต้ The Pew Charitable Trusts รายงานว่าภาวะ "she-cession"* ในสหรัฐฯ อาจจะกลายเป็นอดีต เพราะปัจจุบันผู้หญิงอเมริกันมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานสูงเป็นสถิติใหม่ แต่กระนั้นพวกเธอยังคงเผชิญเรื่องช่องว่างรายได้ระหว่างเพศอยู่

*"she-cession" คือคำที่ใช้อธิบายถึงสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของผู้หญิงถูกกระทบอย่างรุนแรงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คำว่า "she-cession" มาจากการผสมคำว่า "she" ซึ่งหมายถึง "ผู้หญิง" และ "recession" ซึ่งหมายถึง "วิกฤตเศรษฐกิจ" 

หลังความหวาดกลัวการเลิกจ้างในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผ่านพ้นไป ผู้หญิงในสหรัฐฯ ก็กลับสู่ตลาดแรงงานเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่กระนั้นงานที่มีค่าตอบแทนดีจำนวนมากในสาขาต่างๆ เช่น การก่อสร้างและในภาคเทคโนโลยี คนทำงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ยังคงเป็นผู้ชายเป็นหลัก ถือเป็นความท้าทายในการสร้างความเสมอภาคทางเพศในตลาดแรงงาน

ในเดือน มิ.ย. 2023 สัดส่วนของผู้หญิงที่มีงานทำอายุระหว่าง 25-54 ปี อันเป็นวัยทำงานที่สำคัญ แตะที่ระดับ 75.3% สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการสำรวจตัวเลขเมื่อปี 1948 สัดส่วนของผู้หญิงอายุ 25-54 ปี ที่ทำงานหรือกำลังมองหางานก็แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 77.8% ในเดือน มิ.ย. 2023 ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ทำลายสถิติเดิมที่ 77.3% จากปี 2000

“เป็นข่าวดีที่ผู้หญิงกำลังหางานทำในอัตราสูงกว่าที่เคยเป็นมา” เอลีส โกลด์ (Elise Gould) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจ (Economic Policy Institute) ตั้งข้อสังเกตว่าการจ้างงานจำนวนมากในภาคการดูแลสุขภาพและการจ้างงานภาครัฐบาลช่วยให้ผู้หญิงหางานได้มากขึ้น

แต่ยังคงมีช่องว่างระหว่างอัตราของผู้ชายและผู้หญิงในตลาดแรงงานโดยรวมในทุกรัฐของสหรัฐฯ ยกเว้นรัฐเวอร์มอนต์ ณ เดือน มี.ค. 2022 ตัวเลขล่าสุดที่มีอยู่ ช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดคือ 18% ในรัฐแอริโซนา โดยที่ 89.6% ของผู้ชายวัยรุ่นมีงานทำ เทียบกับ 71.4% ของผู้หญิง ส่วนช่องว่างที่แคบที่สุดคือรัฐเมน ซึ่งผู้ชาย 77.8% ในช่วงอายุดังกล่าวมีงานทำ เทียบกับผู้หญิง 77.3%

แม่ที่มีลูกเล็กๆ มีอัตราตกงานสูงกว่าผู้เป็นพ่อถึง 3 เท่า ในช่วงต้นการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากการเรียนทางไกลของเด็กๆ ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องคอยดูแลที่บ้าน ต่อมาแม้ว่าโรงเรียนและสถานรับเลี้ยงเด็กจะเปิดอีกครั้ง แต่ก็มักจะปิดกะทันหันในช่วงที่มีการระบาดเป็นระลอกๆ ทำให้การจ้างงานของผู้หญิงจำนวนมากต้องหยุดชะงักตามไปด้วย เมื่อรวมกับการสูญเสียงานในสาขาการท่องเที่ยวและการบริการในการระบาดระยะเริ่มต้น เกิดการว่างงานในสาขาที่มีผู้หญิงทำจำนวนมาก การจ้างงานของผู้หญิงลดลงต่ำถึง 63.4% ในเดือน เม.ย. 2020 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984

แต่งานในภาคส่วนที่มีรายได้ดี ยังเป็นของผู้ชาย

สำหรับผู้หญิงบางคน การกลับไปทำงานอีกครั้งหลังการการระบาดใหญ่คลี่คลาย สถานการณ์การจ้างงานผู้หญิงกลับมาเป็นเรื่องน่าโล่งใจ ในบางกรณี การทำงานแบบผสมผสานได้สร้างความยืดหยุ่นในการกลับไปทำงานของผู้หญิงด้วยเช่นกัน

ดีปพิกา โกเซน (Deepika Gosain) จากเฟรมอนต์ แคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า “มันมีความหมายมากจริงๆ เพราะนอกเหนือจากความรู้สึกว่าคุณมีส่วนช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในโลกปัจจุบัน" เธอเริ่มงานในเดือนเม.ย. 2023 ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้และการพัฒนาที่บริษัทศัลยกรรมแห่งหนึ่ง โดยพบว่าการทำงานแบบผสมผสานช่วยให้เธอกลับมาทำงานได้อีกครั้งหลังจากหยุดไปหลายปีเพื่อดูแลลูกเล็กๆ 

การจ้างงานในภาคการดูแลสุขภาพและการศึกษา สร้างตำแหน่งงานให้ผู้หญิงมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ระหว่างเดือน มิ.ย. 2022 ถึง มิ.ย. 2023 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 778,000 ตำแหน่ง จากตำแหน่งงานทั้งหมดของผู้หญิง 2 ล้านงานตำแหน่ง  ตามมาด้วยงานภาครัฐและการโรงแรม 727,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามงานในภาคการก่อสร้างและเทคโนโลยี ผู้ชายยังมีสัดส่วนที่สูงกว่ามาก ตัวอย่างเช่นอาชีพช่างไม้และผู้จัดการระบบคอมพิวเตอร์ มีผู้ชายทำงานถึง 96.5% และ 74% เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เป็นต้น

คาเรน อาริโก-ฮิล (Karen Arrigo-Hill ) กำลังมองหางานด้านเทคโนโลยีการเงินอีกครั้ง หลังจากหยุดพักเพื่อเลี้ยงลูกเล็กๆ เธอขอคำแนะนำจากเครือข่าย Women Back to Work เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานในแคลิฟอร์เนียสำหรับผู้หญิงที่หยุดพักจากงาน เธอยังเข้าโครงการบ่มเพาะสำหรับผู้หญิงที่มองหาโอกาสในสายเทคโนโลยี 

อาริโก-ฮิลกล่าวว่า “สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันสังเกตเห็น คือการสนับสนุนผู้หญิงที่หยุดพักจากการทำงานเพื่อดูแลครอบครัว และต้องการกลับไปทำงานด้านเทคโนโลยี” เธอ กล่าว “ขั้นตอนการกลับมาทำงานเป็นกระบวนการที่ยาวนาน และโครงการนี้ช่วยได้จริงๆ”

หลายรัฐมีโครงการผลักดันผู้หญิงเข้าสู่สาขาอาชีพที่มีสัดส่วนผู้ชายเป็นส่วนใหญ่

รัฐต่างๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย แมสซาชูเซตส์ และนิวยอร์ก กำลังดำเนินการเพื่อให้ผู้หญิงจำนวนมากขึ้น เข้าสู่สาขาอาชีพที่มีสัดส่วนผู้ชายเป็นส่วนใหญ่

ร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตในสภาแห่งรัฐนิวยอร์กเรียกร้องให้มีการระดมทุน 500,000 ดอลลาร์ฯ เพื่อให้ผู้หญิงเข้าสู่อาชีพที่มีค่าจ้างสูง ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างและสาขาเทคโนโลยีบางสาขา ที่มีสัดส่วนผู้หญิงน้อยกว่า 25%

นอกจากนี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2023 คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพผู้หญิงของรัฐแมสซาชูเซตส์ ได้ให้คำแนะนำระบุว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้หญิง โดยเฉพาะอคติทางเพศและเชื้อชาติ ได้สร้างความยากลำบากสำหรับผู้หญิงทั้งในด้านสังคมและการประกอบอาชีพ ในรายงานประจำปี คณะกรรมาธิการฯ ได้เรียกร้องให้ผ่านร่างกฎหมายปรับปรุงความโปร่งใสในการจ่ายค่าจ้าง ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงได้รับเงินเดือนสูงขึ้น

ส่วนที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีการจัดสรรงบประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้หญิงได้งานในภาคก่อสร้างมากขึ้น ความช่วยเหลือนี้รวมถึงเงินช่วยเหลือสำหรับการฝึกงานและการดูแลเด็ก

“เมื่อเราพูดคุยกับผู้หญิงที่ทำงานในภาคก่อสร้าง พวกเธอบอกเราว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับอาชีพนี้” คาธีย์ ฮาเกน (Katie Hagen) ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมสัมพันธ์ของรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวในแถลงการณ์

ที่รัฐวิสคอนซิน โครงการ Operation Fresh Start Build Academy ซึ่งใช้งบประมาณจากรัฐ ท้องถิ่น และเอกชน กำลังให้ความช่วยเหลือนาโอมิ โนวส์ (Naomi Knowles) วัย 21 ปีในการฝึกอาชีพด้านการก่อสร้าง เมื่อไม่กี่วันมานี้ เธอเพิ่งก่อผนังมวลเบาในบ้านที่กำลังก่อสร้างในเดียร์ฟิลด์

“การเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชาย มันให้ความรู้สึกกดดันมาก” โนวส์ กล่าว “พวกเขาคาดหวังในตัวคุณน้อย แต่ฉันได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดผิด ฉันรักผู้คนและฉันรักผลลัพธ์ที่ได้ ได้เห็นบ้านหลังนี้เปลี่ยนจากแค่โครงมาเป็นผนัง และผนังด้านข้าง มันน่าทึ่ง"

งานในภาคก่อสร้าง อาจจะเป็นอาชีพที่ดีสำหรับผู้หญิง เพราะมีค่าจ้างดี ปริญญาก็ไม่จำเป็น และอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน ตามรายงานโดยสถาบันวิจัยนโยบายผู้หญิง (Institute for Women’s Policy Research) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ชี้ว่านับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 ระบาด เริ่มมีผู้หญิงทำงานในภาคก่อสร้างเพิ่มขึ้น 126,000 คน รวมเป็น 1.1 ล้านคน แม้ว่าผู้หญิงจะยังมีสัดส่วนเพียง 14% ของคนทำงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมนี้ก็ตาม

อาเรียเน เฮเกวิสซ์ (Ariane Hegewisch) ผู้อำนวยการกลุ่มงานการจ้างงานและรายได้ ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า "สัดส่วนของผู้หญิงต่ำมาก อาชีพการก่อสร้างเป็นภาคส่วนสำหรับผู้ชายเท่านั้น" กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังผลักดันให้เพิ่มจำนวนผู้หญิงในงานก่อสร้างเป็น 2 เท่า เนื่องจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้น

รัฐเวอร์มอนต์เป็นรัฐเดียวที่อัตราการจ้างงานผู้หญิงวัยเริ่มทำงานสูงกว่าผู้ชาย ที่ 83% เทียบกับ 81% เวอร์มอนต์อาจมีลักษณะเฉพาะเนื่องจากมีงานที่หลากหลาย แมธิว บาเรวิคซ์ (Mathew Barewicz) ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลตลาดแรงงานของรัฐกล่าว “เวอร์มอนต์มีองค์ประกอบทางอุตสาหกรรมที่หลากหลายโดยไม่พึ่งพาอุตสาหกรรมที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ [เช่น] เหมืองแร่ ภาคการขนส่ง หรือภาคการเงินมากเกินไป”

เบธ อัลไมดา (Beth Almeida) เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์ก้าวหน้าแห่งอเมริกา (Center for American Progress) กล่าวว่าความคืบหน้าในการนำผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้นนั้น มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป

“ผู้หญิงยุคนี้อายุ 25-54 ปี มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมากกว่าผู้หญิงรุ่นอื่นๆ และการมีวุฒิการศึกษาระดับวิทยาลัยเป็นตัวแปรสำคัญในตลาดแรงงาน” อัลไมดา กล่าว

“พวกเธอได้ลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก เพื่ออนาคตของพวกเธอ แต่การจ้างงานของพวกเธอได้รับผลกระทบอย่างมากจากเรื่องการดูแล เพราะผู้หญิงต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อเป็นเรื่องของครอบครัว”


ที่มา:
A ‘she-cession’ no more: After COVID dip, women’s employment hits all-time high (Tim Henderson, Stateline, 19 July 2023)


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net