Skip to main content
sharethis

‘แพทองธาร’ ยันครอบครัวไม่ห้าม 'ทักษิณ’ กลับบ้าน เพียงเป็นห่วง ให้กำลังใจ ‘พิธา’ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด 

14 มิ.ย.2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (14 มิ.ย.66) เวลา 10.30 น. แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อประชุมติดตามงานรีแบรนดิ้งพรรค โดยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกระแสข่าว การรับประทานอาหารในครอบครัวชินวัตร และมีกระแสเบรก ทักษิณ ชินวัตร กลับไทย ซึ่งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แสดงความเป็นห่วง ทั้งแพทองธาร และทักษิณ นั้น แพทองธาร ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเมือง แต่เป็นการพูดคุยกันในครอบครัว หากเป็นเรื่องที่จริงจัง ซีเรียส คงไม่ต้องนัดรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความห่วงใยของคุณแม่ ในฐานะที่เป็นแม่ของลูกสาวคนเล็ก ไม่ได้พูดในฐานะแม่ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ไม่มีมิติการเมือง

แพทองธาร ยืนยันด้วยว่ายังอยากให้ผู้เป็นพ่อกลับไทย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ทักษิณ ว่าจะกลับเมื่อไหร่ เพราะชีวิตเป็นของท่าน ครอบครัวเราฟังกันและกันอยู่แล้ว  ยืนยันกำหนดการกลับที่พูดคุยกันล่าสุด ทักษิณ ยังยืนยันว่าเป็นเดือนกรกฎาคม และได้ติดตามสถานการณ์การเมืองอยู่ตลอด ไม่อยากกลับมาแล้วเป็นความวุ่นวาย เพราะคุณพ่อมีความสำคัญต่อการเมือง การกลับมาจึงต้องดูความเหมาะสม  

ต่อคำถามที่ว่าครอบครัวเบรกไม่ให้แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้หรือไม่นั้น แพทองธาร ยืนยันว่า เป็นความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูกสาวคนเล็ก เพราะไม่ว่าจะแกร่งและแข็งแรงอย่างไร สุดท้ายคนเป็นแม่ก็ต้องเป็นห่วงลูก ซึ่งได้บอกกับแม่ตลอดว่าทำได้ ทำไหว ยกตัวอย่างตอนอุ้มท้องหาเสียง ทางพ่อและแม่ต่างเป็นห่วง แต่ก็บอกไปเสมอว่าทำได้ ซึ่งก็ทำให้เห็นแล้ว หากตนเองไม่พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่ยอมให้พรรคเสนอรายชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งในพรรค หากไม่พร้อมคงไม่ก้าวมาตรงนี้ ซึ่งยืนยันมาตลอดว่าหากงานใดที่ตนไม่พร้อม ก็ต้องบอกคนในพรรค 

ส่วนสถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้กำลังใจ เพราะเราเคยถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหนักแน่นในประชาธิปไตย เคารพเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเลือกมาแล้ว อยากตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหาในประเทศต่อไป และกระบวนการยุติธรรมต้องไปตามข้อมูลและหลักฐาน ประชาชนคงรอไม่ไหว อยากให้ประเทศเคลื่อนไปข้างหน้า ต้องมีการเมืองแบบใหม่ ที่มุ่งไปข้างหน้า เมื่อประชาชนเลือกมาต้องเคารพเสียงประชาชน สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยเจอมา ครอบครัวของตนเองเคยเจอมา ก็อยากให้ยุติลง อยากให้มีการเมืองที่สร้างสรรค์เป็นการเมืองที่พร้อมจะพัฒนาประเทศต่อไปจริงๆ โดยเคารพเสียงประชาชน  

ทั้งนี้ แพทองธาร ไม่ขอแสดงความเห็นทางการเมือง ว่าจะเป็นรัฐบาลรูปแบบใด เพราะสถานการณ์ยังไม่เกิด ไม่อยากสมมุติ ยืนยันว่าวิธีการทำงานของตนเองและโจทย์ของพรรคเพื่อไทย คือ พรรคก้าวไกลเป็นอันดับหนึ่ง เราจะร่วมรัฐบาลกัน และจะทำตรงนี้ให้เต็มที่ เราต้องจับมือกันให้แน่น ยืนยันเพื่อไทยไม่มีแผนรับมือหากมีเกมการเมืองพลิกขั้ว  อย่างข่าวที่ออกมาทุกครั้งทั้งดีลลับ ‘ยังงงว่าไปดีลกันตอนไหน หากดีลลับมีจริงแสดงว่าลับมาก ลับขนาดที่แพทองธารยังไม่รู้’ จึงอยากให้หนักแน่น พรรคเพื่อไทยออกมากับก้าวไกลขนาดนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปและเปลี่ยนแปลง 

ต่อคำถามที่ว่า หากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 60 เสียงที่ขาด จะทำอย่างไรนั้น แพทองธาร กล่าวว่า ให้ไปคุยกับกรรมการบริหารพรรคและคุยกับพรรคก้าวไกลด้วย เพราะเป็นรายละเอียดเชิงลึกเกินไป  เกินที่ตนเองจะสามารถตอบได้ 

ส่วนโผต่างๆ ที่ออกมานั้น  แพทองธารยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใดๆ หลังมีบางโผในโซเชียลเปิดเผยออกมา พร้อมกล่าวติดตลกว่า รู้ก่อนตนอีก เห็นว่าจะไปเป็นรัฐมนตรีทั้งกระทรวงการต่างประเทศและล่าสุดไปถึงรองนายกรัฐมนตรี จึงขอขอบคุณทุกตำแหน่งที่มอบให้ แต่ไม่ใช่เลย และยังไม่ทราบเรื่องนี้  ตนเองเห็นพร้อมๆ กับคนในโซเชียล ส่วนจะนั่งตำแหน่งบริหารใด ต้องรอดูก่อน ให้ผู้มีประสบการณ์หลายคนหารือกันในพรรคร่วม ซึ่งในวันนี้ตนเองมาติดตามการประชุมการรีแบรนด์และการสื่อสารของพรรคเพื่อไทย 

ส่วนกรณีที่ พิธา ไปพบสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย พร้อมกล่าวถึงการ ‘เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส’ นั้น แพทองธาร กล่าวว่า  ดีใจมาก เพราะนโยบายบางอันเป็นนโยบายเดิม ตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่นำโดยพรรคไทยรักไทย ที่ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และตอนที่หาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็กำหนดว่า จะนำนโยบายดีๆ ที่เป็นประโยชน์อยู่ ทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน กลับมาใช้ พอถึงวันนี้ แม้ไม่ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่นโยบายยังได้นำกลับมาใช้ ก็ดีใจมากๆ อยากเห็นนโยบายเหล่านั้นสำเร็จอีกครั้งในยุคปัจจุบัน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net