Skip to main content
sharethis

'ประสงค์' ชาวลพบุรี วัย 28 ปี ถูกตัดสินจำคุกรวม 6 ปี กรณีแชร์-โพสต์เฟซบุ๊ก วิจารณ์กษัตริย์ ก่อนลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 3 ปี เนื่องจากรับสารภาพ ไม่รอลงอาญา และได้รับการประกันตัวชั้นอุทธรณ์

 

13 มิ.ย. 2566 เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อ 12 มิ.ย. 2566 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาตลิ่งชันนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ "โด่ง" ประสงค์ โคตรสงคราม ชาวจังหวัดลพบุรี วัย 28 ปี ที่ถูกอัยการฟ้องคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีโพสต์และแชร์เฟซบุ๊กรวม 2 กระทง เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564  

 

 

สำหรับคดีนี้ ประสงค์ ถูกจับกุมตามหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2564 จากบ้านในอำเภอเมืองลพบุรี ก่อนถูกนำตัวไปยัง สน.บางพลัด เจ้าของคดี โดยพบว่าว่าคดีมี ฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ เป็นผู้กล่าวหา โดยฐิติวัฒน์ อ้างว่าได้เปิดดูเฟซบุ๊กของกลุ่มบุคคลที่มักจะโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จนพบเห็นข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งมีลักษณะดังกล่าว จึงมาแจ้งความดำเนินคดี

ข้อความที่นำมาสู่การร้องทุกข์กล่าวโทษมีทั้งหมด 3 ข้อความ โดย 2 ข้อความเป็นการโพสต์และแชร์เมื่อ 7 มิ.ย. 2564 โดยข้อความหนึ่งเป็นการโพสตฺ์ข้อความประกอบการแชร์ข้อความของเฟซบุ๊กเพจ 'เยาวชนปลดแอก-Free Youth' 'นักเรียนแฉยับ' และ 'Joe Gordon' ซึ่งถูกกล่าวหาว่าข้อความเหล่านี้มีเนื้อหาดูหมิ่น ร.10 

ขณะที่อีกหนึ่งข้อความ เป็นการโพสต์และแชร์เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 โดยเป็นการแชร์ข้อความของเฟซบุ๊กของ 'ชาติ ศาสนา ประชาชน' ซึ่งมีภาพของรัชกาลที่ 10 ประกอบ 

นอกจากนี้ ฐิติวัฒน์ ผู้กล่าวหา เป็นขายที่เคยได้เป็นข่าวจากการที่ได้รับคำชมจากรัชกาลที่ 10 ว่า “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” จากการเข้าร่วมรับเสด็จในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานวันปิยมหาราช เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2563 และก่อนหน้านั้น ฐิติวัฒน์ ได้ไปชูรูปรัชกาลที่ 9 ในพื้นที่ชุมนุมเมื่อ 20 ต.ค. 2563 อีกด้วย 

ภายหลังถูกจับกุม ศาลอาญาตลิ่งชันเคยไม่อนุญาตให้ประกันตัวประสงค์ในระหว่างสอบสวน ทำให้เขาถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย จ.นครปฐม ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 เป็นเวลา 21 วัน ก่อนจะถูกกักตัวต่อ เนื่องจากผู้ต้องขังในห้องเดียวกันติดโควิด-19 จนกระทั่งศาลอนุญาตให้ประกันตัว ในวันที่ 4 ส.ค. 2564 ทำให้เขาต้องถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อยรวมทั้งสิ้น 27 วัน  ก่อนพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาตลิ่งชัน 1 จะมีคำสั่งฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564

วันนี้ (12 มิ.ย.2566) เวลา 10.05 น. จำเลยได้เดินทางมาพร้อมทนาย ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 โดยมี "ป้าเป้า" และมวลชนอีก 1 คน ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย บรรยายกาศค่อนข้างมีความวุ่นวาย เนื่องจากว่ามีคดีที่ศาลต้องพิจารณาเยอะ 

ต่อมา ศาลได้เรียกให้ประสงค์ แสดงตัว ก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา มีใจความโดยสรุปว่า คดีนี้ศาลได้สั่งให้เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ได้ทำการสืบเสาะพฤติการณ์จำเลย มีรายงานปรากฏว่า จำเลยถูกรับเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรม โดยอาศัยอยู่ในชุมชนเมือง ในจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้รับการศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี ไม่มีประวัติทางการเรียนเสื่อมเสีย 

ทั้งนี้ ในรายงานสืบเสาะยังได้ปรากฏอีกว่า ประสงค์เป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร และไม่ได้มีพฤติการณ์ก้าวร้าว ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ซึ่งพนักงานคุมประพฤติลงความเห็นว่าสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลได้อ่านคำบรรยายฟ้องของอัยการ ซึ่งระบุว่า ประสงค์ได้ทำการโพสต์และแชร์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ และพิเคราะห์รวมกับคำร้อง ประกอบคำรับสารภาพของจำเลย พบว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษตัวบทกฎหมายที่หนักที่สุด โดยลงโทษตามมาตรา 112 ให้จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุให้บรรเทาโทษ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 ปี ไม่มีเหตุให้รอลงอาญา 

ภายหลังการฟังคำพิพากษา ประสงค์ได้ถูกนำตัวลงไปใต้ถุนศาลเพื่อรอการประกันตัว ซึ่งทนายได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ต่อทันที 

ต่อมาเวลา 14.29 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างชั้นอุทธรณ์ โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร และให้วางหลักทรัพย์ประกันเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท จากเดิมที่เคยวางไว้ในชั้นพิจารณา 150,000 บาท รวมเป็นหลักทรัพย์ประกันทั้งสิ้น 200,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์

ทั้งนี้ ในการได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน ศาลยังกำหนดให้ประสงค์ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์หรือ EM ด้วย และเขาเพิ่งได้รับอนุญาตให้ถอดกำไลเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 รวมระยะเวลาราว 1 ปีครึ่งที่เขาต้องใช้ชีวิตกับเครื่องมือดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net