Skip to main content
sharethis

ที่ปรึกษาผู้ว่า รฟท.ฟ้องหมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมฯ นักข่าวอาวุโส “สงวน” หลังชี้ประเด็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับ “เซาเซียนโป” จำเลยคดีทุนจีนสีเทา เจ้าตัวทั้งคำถามว่าเป็นความผิดได้อย่างไรทั้งที่เป็นการตั้งข้อสังเกตตามสิ่งที่ปรากฏอยู่ในข่าวและยังเป็นเรื่องที่ถูกอภิปรายในสภา

17 เม.ย.2566 สงวน คุ้มรุ่งโรจน์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสอิสระ แจ้งกับประชาไทว่าเขาได้รับหมายเรียกไต่สวนมูลฟ้องจากศาลอาญามีนบุรี ในคดีที่พล.อ.ธวัชชัย ชวนสมบูรณ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มอบอำนาจให้แก่ปรัตถกร อภิรัตนวรกุลดำเนินการแจ้งความที่ สน.สายไหมและฟ้องเป็นคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทและข้อหาตามมาตรา 14(1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ที่ศาลอาญามีนบุรีด้วยตนเอง

ทั้งนี้ตามเอกสารคำฟ้องที่สงวนได้รับมาระบุพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดเป็นการทวีตในทวิตเตอร์จำนวน3 ครั้งบนบัญชีชื่อ “Sa-nguan Khumrungroj” @ZhentingLiu โดยมีทั้งข้อความและภาพที่เป็นเท็จ

ในคำฟ้องระบุว่า สำหรับข้อความในวันที่ 13 พ.ย.2565 มีจำนวน 2 ทวีต ทวีตแรกเขียนว่า “ท่านทราบไหมว่าทุนจีนสีเทาที่ถูกจับ คือที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทย”

ทวีตที่สองระบุว่า “ทุนจีนสีเทาเหล่านี้ ถนัดร่วมทอดกฐิน กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายพลทหารตำรวจด้วย”

ทวีตที่สามเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2565 มีข้อความ “ทำไมชื่อเดียวกัน?? #มีหัวรถไฟจะเป็นอย่างไร?!! (Why the same surname?? The same association #มีหัวรถไฟความเร็วสูงได้อย่างไร?!!” พร้อมภาพของหน้าเว็บไซต์ข่าว Bangkok Life News

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าข่าวที่มีเนื้อหาเดียวกันนี้ยังถูกรายงานในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์บ้านเมือง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2565 ด้วย

อย่างไรก็ตามในฟ้องยังระบุอีกว่าทั้ง 3 ทวีตนี้เป็นการเจตนาเพื่อใส่ความพล.อ.ธวัชชัย และข้อเท็จจริงไม่มีนายทุนชาวจีนเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และไม่มีที่ปรึกษาผู้ว่า รฟท.ถูกจับกุมร่วมกับกลุ่มทุนชาวจีนสีเทา และจำเลยยังได้ทวีตข้อความที่ 2 และ 3 ตามมาซึ่งมีภาพของพล.อ.ธวัชชัยและตำแหน่งหน้าที่ชัดเจนเพื่อทำให้เห็นว่าเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มนายทุนจีนที่มากระทำความผิดในประเทศไทย

ในเอกสารระบุคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายและสั่งให้สงวนต้องลงข้อความขอขมาพล.อ.ธวัชชัยรวมทั้งแก้ไขข้อความหมิ่นประมาทและลงคำพิพากษาของศาลในทวิตเตอร์ของตนและลงในหนังสือพิมพ์รายวันอย่างน้อย 2 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน และยังให้สงวนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความในอัตราสูงสุดแทนพล.อ.ธวัชชัยด้วย

ทั้งนี้ตามหมายศาลระบุวันนัดไต่สวนมูลฟ้องไว้เป็นวันที่ 10 ก.ค.2566

สงวนตั้งคำถามว่าการตั้งข้อสงสัยถึงสิ่งที่ปรากฏบนหน้าข่าวนั้นกลายเป็นความผิดได้อย่างไรเพราะชื่อของเซาเซียนโปซึ่งเป็นจำเลยในคดีทุนจีนสีเทาก็เป็นคนชื่อแซ่เดียวกับที่ปรากฏในงานทอดกฐินตามที่เขาทวีตไป อีกทั้งยังเคยมีการอภิปรายในสภาถึงเรื่องนี้ไปแล้วโดยรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล


 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าข้อหาตามมาตรา 14 (1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในฉบับแก้ไข พ.ศ.2560 ได้มีการตัดความผิดฐานหมิ่นประมาทออกจากกฎหมายฉบับแก้ไขนี้แล้ว โดยในลักษณะของการกระทำความตามมาตราดังกล่าวระบุไว้ว่า

“โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net