Skip to main content
sharethis

ศาลยกฟ้องแอดมินเพจ 'เรารักประยุทธ์' โพสต์รูปตัดต่อ 'ประยุทธ์-ประวิตร' ชี้แม้มีข้อความไม่เหมาะสม แต่ไม่ได้ชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล ก็เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ตาม ม.116

7 พ.ย. 2565 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ (7 พ.ย.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดี 8 แอดมินเพจล้อเลียนเพจ "เรารักประยุทธ์" ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง ศุภชัย สายบุตร, ณัฏฐิกา หรือนัท วรธันยวิชย์, นพเก้า คงสุวรรณ, ธนวรรธ บูรณศิริ, โยธิน มั่งคั่งสง่า, วรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์, กัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา และหฤษฎ์ มหาทน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

กรณีจำเลยทั้ง 8 คน กับพวกที่หลบหนีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า "เรารักพลเอกประยุทธ์" มีเนื้อหาการทำงานรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจำเลยที่ 1,2,4 และ 5 เป็นผู้ดูแล(ADMIN)เว็บเพจ "เรารักพลเอกประยุทธ์" จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ตัดต่อรูปภาพ ส่วนจำเลยที่ 6 มีหน้าที่จัดหาข้อมูลตัดต่อรูปภาพ จำเลยที่ 7 มีหน้าที่เผยแพร่เนื้อหา ตัดต่อรูปภาพ โดยมีจำเลยที่ 8 มีหน้าที่คอยสั่งการและจ่ายค่าจ้างให้จำเลยอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการทำเว็บเพจดังกล่าว

 

โดยเมื่อระหว่างเดือน พ.ย.2558 ถึงวันที่ 7 เม.ย.2559 จำเลยทั้งแปดร่วมกันโพสต์ภาพใบหน้าพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม(ขณะนั้น) ตัดต่ออยู่บนกระทง พร้อมข้อความว่า" ร่วมลอยกระทงยักษ์ขับไล่(เผด็จการ)อัปมงคล รำวงสืบสานวิถีราษฎร และกิจกรรมอื่นๆ ที่ลานปรีดี พนมยงค์ มธ.ท่าพระจันทร์ โดยจำเลยทั้งแปดรู้อยู่แล้วว่า การโพสต์ภาพและข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์มุ่งประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นภาพและอ่านข้อความดังกล่าวซึ่งเป็นการสร้างความกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนร่วมกันออกมาขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ถึงขนาดก่อความวุ่นวายขึ้นในราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามปอ.ม.116, 83 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ ศ.2550 ม.14 ทั้งนี้จำเลยที่ 1,3-8 ได้รับการประกันตัว ส่วนน.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท ลี้ภัยไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า การโพสต์ภาพตัดต่อดังกล่าวลงในเพจเฟซบุ๊ก "เรารักพลเอกประยุทธ์" แม้จะมีข้อความที่ไม่เหมาะสม รุนแรงเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีความมุ่งหมายชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญฯ นอกจากนี้ในวันนัดหมายดังกล่าวก็เป็นรวมตัวกันของประชาชนที่ปราศจากอาวุธ และไม่ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1,3 -8 แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล ก็เป็นไปตามสิทธิ เสรีภาพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1,3-8 เป็นความผิดตาม มาตรา 116 จึงพิพากษายกฟ้อง

โดยวันนี้ พนักงานอัยการและจำเลยที่ 1,3-8 พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษา

จากนั้น วิญญัติ ชาติมนตรี กล่าวว่า ศาลวินิจฉัย 2 ประเด็นคือ มีหลักฐานในเชิงประจักษ์ที่ได้จากการซักถามในค่ายทหาร ว่า น้องๆที่เป็นจำเลยทั้ง 7 คน ได้โพสต์ภาพและข้อความที่มีการตัดต่อลงในระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งศาลมองว่ามีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ แต่หลักฐานต่างๆก็ไม่ยืนยันว่าการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้นผิดกฎหมายอาญษามาตรา 114 หรือไม่ และการตัดต่อภาพอาจจะเป็นความผิดตามมาตรา 116 อย่างไรก็ตามศาลได้วินิจฉัยประเด็นต่อมาว่า เนื้อหาที่มีภาพพล.อ.ประยุทธ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร รองนายกฯ และมีการชักชวนให้ทำกิจกรรมในวันลอยกระทง เมื่อปี 2559 แม้จะมีคำว่าเผด็จการ อัปมงคล หรือ มีรูปภาพของนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิและเสรีภาพตามวิถีทางประชาธิปไตย เนื้อหาก็ไม่ได้เป็นอันตรายหรือชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ถือว่าคดีในชั้นต้นสิ้นสุดแล้ว เมือคดีที่โอนมาจากศาลทหารมีหลักฐานไม่สมบูรณ์หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ในเชิงประจักษ์ และศาลได้วินิจฉัยเนื้อหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดแล้วตนก็ไม่อยากให้อัยการอุทธรณ์คดีอีก

ส่วนณัฏฐิกา หรือนัท นั้นศาลสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากเชื่อว่าหลบหนี ซึ่งถ้าหาก ณัฎฐิกา หรือนัท ได้สถานะผู้ลี้ภัยตามกฎหมายระหว่างประเทศ ก็ถือว่ายังอยู่ในต่างประเทศได้ และอาจจะไม่เดินทางกลับมาประเทศไทย หรือ จะกลับมาหลังคดีขาดอายุความก็เป็นสิทธิ ซึ่งก็มีหลายคดีที่รัฐปล่อยให้ขาดอายุความก็เห็นมาแล้ว และคดีนี้ก็ไม่ได้มีโทษหนักอะไร

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์และเดลินิวส์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net